จัดฟันแบบ Kase Aligner VS Invisalign Gen Z เลือกแบบไหนดี ?

Create Date | 5 กุมภาพันธ์, 2025 154 Views
เด็กผู้หญิงกำลังใส่เครื่องมือจัดฟันแบบKase Aligner

เคยรู้สึกไหมว่าอุปกรณ์จัดฟันบางชนิดไม่ตอบโจทย์ความคล่องตัวหรือไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงเร็วของคุณ ? สำหรับ Gen Z ที่เน้นความสะดวก ดีไซน์ทันสมัย และประสบการณ์ที่เหมาะกับตัวเอง ซึ่งถ้าใครไม่เข้าใจข้อแตกต่างอย่างชัดเจนว่า Kase Aligner ต่างกับ Invisalign อย่างไรก็อาจสร้างความสับสนได้ บทความนี้จึงจะมาบอกให้รู้ครบ เพื่อเลือกแบบที่เหมาะกับ Gen Z

 

ความแตกต่างด้านดีไซน์และการมองเห็นในชีวิตประจำวัน

การเลือกว่าจะจัดฟันแบบ Kase Aligner หรือจัดฟันแบบ Invisalign ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของราคา แต่ข้อสำคัญที่ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน คือเรื่องคุณภาพของวัสดุและการออกแบบที่มีผลต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน โดยทั้ง 2 ชนิด จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • Käse Aligner ผสมผสานระหว่างศิลปะและวิทยาศาสตร์ในการออกแบบรอยยิ้ม โดยใช้เทคโนโลยีทางทันตกรรมนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา วัสดุที่ใช้มีความโปร่งใสและออกแบบให้แนบสนิทกับฟัน ลดการมองเห็นและเพิ่มความมั่นใจในชีวิตประจำวัน
  • Invisalign ใช้วัสดุเฉพาะทางที่เรียกว่า SmartTrack ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้การเคลื่อนที่ของฟันเป็นไปอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น วัสดุนี้มีความโปร่งใสมากกว่า ทำให้มองเห็นได้น้อยลงเมื่อสวมใส่

 

ความสะดวกในการใช้งานและการดูแลรักษา

การจัดฟันแบบ Kase Aligner และการจัดฟันแบบ Invisalign ต่างก็คือเครื่องมือสำหรับใช้ในการจัดฟันแบบใส ทำให้ทั้งสองชนิดมีแนวทางการใช้งานที่คล้ายกัน แต่มีความแตกต่างที่อาจส่งผลต่อความสะดวกในการดูแลรักษาและการติดตามผล ดังนี้

  • Käse Aligner การวางแผนการรักษาและติดตามผลดำเนินการโดยทันตแพทย์ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้มั่นใจในผลลัพธ์ที่ได้ การถอดและใส่ง่ายดาย ทำให้สะดวกในการรับประทานอาหารและทำความสะอาด
  • Invisalign มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน My Invisalign™ ที่ช่วยติดตามความคืบหน้าของการรักษา ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพถ่ายเพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสอบระยะไกลได้ ลดความจำเป็นในการเดินทางไปพบแพทย์

 

ราคาและความคุ้มค่าในระยะยาว

ราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่หลายคนใช้ในการตัดสินใจเลือกระหว่างการจัดฟันแบบ Kase Aligner และการจัดฟันแบบ Invisalign แต่ความคุ้มค่าจำเป็นต้องพิจารณาในหลายมิติ ไม่ใช่แค่เรื่องค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเท่านั้น โดยสิ่งที่ควรพิจารณาร่วมมีดังนี้

  • Käse Aligner มีแพ็กเกจที่หลากหลาย เริ่มต้นที่ 49,000 บาท สำหรับเคสเล็กน้อย และสูงสุดที่ 89,000 บาท สำหรับเคสที่ต้องถอนฟัน ทุกแพ็กเกจไม่จำกัดจำนวนชิ้นงาน ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่ต้องสั่งชิ้นงานเพิ่ม
  • Invisalign มีราคาสูงกว่าเนื่องจากมีหลายแพ็กเกจให้เลือกสรร โดยขึ้นอยู่กับการปรับแต่งเฉพาะบุคคลและเทคโนโลยีที่ใช้ อย่างไรก็ตาม ความคุ้มค่าควรพิจารณาจากผลลัพธ์และการดูแลสุขภาพช่องปากในระยะยาว

 

ความเข้ากันกับเทรนด์ความงามในยุคโซเชียลมีเดีย

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีรอยยิ้มที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ เทคโนโลยีของการจัดฟันแบบ Kase Aligner และการจัดฟันแบบ Invisalign ก็มีบทบาทสำคัญในเรื่องภาพลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิต

  • Käse Aligner เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาฟันเบื้องต้นและมีงบประมาณจำกัด แม้ว่าวัสดุอาจไม่ใสเท่า Invisalign แต่ก็ยังให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ เนื่องจากมีการออกแบบให้วัสดุแนบสนิทไปกับผิวฟัน
  • Invisalign เป็นที่นิยมในกลุ่ม Influencers และบุคคลที่ต้องออกสื่อบ่อย ๆ เนื่องจากวัสดุที่ใสกว่าและการออกแบบที่แนบเนียนไปกับฟัน ทำให้มั่นใจได้มากขึ้นเมื่อถ่ายรูปหรือทำคอนเทนต์ออนไลน์

 

การจัดฟันแบบ Kase Aligner ทางเลือกที่ใช่สำหรับชาว Gen Z

วัยรุ่น Gen Z กับการเลือกเครื่องมือจัดฟันแบบKase Aligner

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีและความงามผสานเข้าด้วยกัน Gen Z กำลังมองหาวิธีการจัดฟันที่ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพ แต่ยังสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่คล่องตัวและทันสมัย ด้วยเหตุผลนี้ จึงทำให้การจัดฟันแบบ Kase Aligner กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่นี้ โดยมีเหตุผลสำคัญ ดังนี้

  • ดีไซน์ล้ำสมัย ใส่แล้วมั่นใจทุกสถานการณ์ : Kase Aligner ออกแบบมาให้บางและแนบสนิทไปกับฟัน ทำให้มองแทบไม่เห็นขณะสวมใส่ ต่างจากเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะที่อาจทำให้บางคนรู้สึกไม่มั่นใจ นอกจากนี้ วัสดุยังออกแบบมาให้ใสสะอาด ไม่เหลืองง่าย ทำให้ Gen Z สามารถ ใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ แม้ต้องถ่ายรูปหรืออัดวิดีโอลงโซเชียลมีเดีย
  • เทคโนโลยีที่รองรับชีวิตยุคดิจิทัล : Gen Z เติบโตมากับเทคโนโลยี ดังนั้นเครื่องมือจัดฟันของพวกเขาก็ต้องทันสมัยเช่นกัน Kase Aligner มาพร้อมระบบสแกนฟันแบบดิจิทัล ทำให้การวางแผนการรักษามีความแม่นยำสูง อีกทั้งยังช่วยให้ติดตามผลการรักษาได้อย่างสะดวกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
  • อิสระและความสะดวกในการใช้ชีวิต : Kase Aligner สามารถถอดออกได้ง่ายเมื่อรับประทานอาหารหรือแปรงฟัน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องเศษอาหารติดซอกฟัน หรือความยุ่งยากในการทำความสะอาด ต่างจากการจัดฟันแบบโลหะที่อาจต้องใช้เวลาทำความสะอาดมากกว่า
  • ราคาจับต้องได้ พร้อมความคุ้มค่าในระยะยาว : แม้ว่า Invisalign จะเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่ Kase Aligner ก็ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน ในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับ Gen Z ที่ต้องการจัดฟันแบบใส โดยไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณ

สำหรับ Gen Z ที่มองหาคลินิกทันตกรรมจัดฟันแบบใสด้วย Kase Aligner ในราคาคุ้มค่า คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่ คือคำตอบ ! ด้วยบริการครบวงจรจากทีมทันตแพทย์มืออาชีพกว่า 10 ท่าน พร้อมการดูแลและคำปรึกษาตลอดกระบวนการจัดฟันแบบใส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดการจัดฟันแบบใสด้วย Kase Aligner พร้อมราคา และนัดหมายล่วงหน้าได้ทาง LINE @theivorydental (มี @ ด้วย) หรือ โทร. 02-275-3599, 094-968-4294 พร้อมเปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.

ทำรากฟันเทียมเจ็บไหม?

Create Date | 16 มกราคม, 2025 419 Views
ทำ รากฟันเทียม เจ็บไหม

ทำรากฟันเทียมเจ็บไหม? ทำความเข้าใจขั้นตอนและความรู้สึกเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม

การสูญเสียฟันเป็นเรื่องที่หลายคนในวัย 50 ปีขึ้นไปต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอายุที่เพิ่มขึ้น โรคเหงือก หรืออุบัติเหตุ ซึ่งอาจทำให้การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเคี้ยวอาหารหรือพูดคุย กลายเป็นเรื่องยากและไม่สะดวก แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาด้วย รากฟันเทียม (Dental Implant) ได้กลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะช่วยฟื้นฟูรอยยิ้มและประสิทธิภาพในการเคี้ยวได้อย่างเต็มที่

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยจากผู้ที่สนใจรากฟันเทียมคือ “รากฟันเทียมเจ็บไหม?” ความกังวลเรื่องความเจ็บปวดและผลกระทบระหว่างการรักษาเป็นสิ่งที่หลายคนลังเลใจ บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัย และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อให้คุณเตรียมตัวอย่างมั่นใจ

การทำรากฟันเทียมเจ็บหรือไม่?

การทำรากฟันเทียมเป็นหัตถการที่เกี่ยวข้องกับการฝังวัสดุโลหะ (โดยปกติคือไทเทเนียม) ลงในกระดูกขากรรไกรเพื่อรองรับฟันปลอม ทว่าด้วยความก้าวหน้าทางทันตกรรมในปัจจุบัน ขั้นตอนนี้ได้รับการออกแบบมาให้ปลอดภัยและไม่สร้างความเจ็บปวดเกินความจำเป็น

  1. ระหว่างการผ่าตัด
    ก่อนการผ่าตัด ทันตแพทย์จะทำการฉีดยาชาเฉพาะที่ เพื่อให้บริเวณที่ทำการฝังรากฟันเทียมชาและไม่รู้สึกเจ็บตลอดกระบวนการ หากคุณรู้สึกกังวลใจมาก ทันตแพทย์อาจเสนอการใช้ยาคลายเครียดหรือยาสลบ (ในกรณีที่เหมาะสม) ซึ่งทำให้การรักษาผ่านไปอย่างราบรื่นและสบายที่สุด
  2. หลังการผ่าตัด
    หลังจากยาชาหมดฤทธิ์ อาจมีอาการปวดหรือบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ผ่าตัด ซึ่งเป็นเรื่องปกติและสามารถจัดการได้ด้วยการรับประทานยาบรรเทาปวดที่ทันตแพทย์แนะนำ อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นภายใน 1-2 วัน และหลายคนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ในเวลาไม่นาน
  3. ความเจ็บปวดแตกต่างกันไปในแต่ละคน
    ความรู้สึกเจ็บระหว่างและหลังการผ่าตัดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สภาพร่างกาย สุขภาพของเหงือกและกระดูก และความชำนาญของทันตแพทย์ หากคุณกังวลเรื่องความเจ็บปวด ควรพูดคุยกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

 

ปัจจัยที่ช่วยลดความกังวลเรื่องความเจ็บปวด

  1. เทคนิคการผ่าตัดที่ทันสมัย
    ในปัจจุบัน คลินิกทันตกรรมหลายแห่งใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การสแกน 3 มิติ เพื่อวางแผนการฝังรากฟันเทียมอย่างแม่นยำและลดระยะเวลาผ่าตัด ทำให้ลดความรู้สึกไม่สบายลงอย่างมาก
  2. การดูแลหลังการรักษา
    การปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เช่น การรับประทานอาหารอ่อนในช่วงแรก การหลีกเลี่ยงการออกแรงในบริเวณที่ผ่าตัด และการดูแลความสะอาดในช่องปาก จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและความเจ็บปวด
  3. การเลือกทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญ
    ทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์และผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทางจะช่วยให้ขั้นตอนการฝังรากฟันเทียมเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งยังช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด

 

รากฟันเทียม เจ็บไหม

 

รากฟันเทียมคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่?

ถึงแม้กระบวนการทำรากฟันเทียมอาจดูซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเครื่องมือทดแทนฟันแบบอื่น ๆ เช่น ฟันปลอมแบบถอดได้ แต่รากฟันเทียมมีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า

  1. ช่วยฟื้นฟูการใช้งานฟันตามธรรมชาติ
    รากฟันเทียมมีความแข็งแรงและเสถียรภาพ ทำให้คุณสามารถเคี้ยวอาหารได้เหมือนฟันธรรมชาติ
  2. ป้องกันการสูญเสียกระดูกขากรรไกร
    การฝังรากฟันเทียมช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกร ลดความเสี่ยงของกระดูกยุบตัวที่มักเกิดขึ้นเมื่อสูญเสียฟันธรรมชาติ
  3. เพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม
    ด้วยรากฟันเทียมที่ออกแบบมาให้เข้ากับรูปหน้าของแต่ละคน คุณจะกลับมายิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจทำรากฟันเทียม

หากคุณกำลังพิจารณาเรื่องรากฟันเทียมและกังวลเรื่องความเจ็บปวด ควรเริ่มต้นด้วยการพูดคุยกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำปรึกษาโดยละเอียด การทำรากฟันเทียมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิดเมื่อคุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ

เปลี่ยนแปลงชีวิตคุณวันนี้ด้วยรากฟันเทียม

หากคุณกำลังมองหาแนวทางแก้ไขปัญหาการสูญเสียฟันอย่างถาวรและปลอดภัย อย่ารอช้า!
ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาฟรีและตรวจประเมินสุขภาพช่องปากเบื้องต้น ทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมดูแลคุณด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและประสบการณ์ยาวนาน ให้คุณมั่นใจในทุกขั้นตอน

โทรเลยวันนี้เพื่อจองคิวปรึกษากับทันตแพทย์
หรือแอดไลน์เพื่อปรึกษาออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ที่ LINE : @theivorydental ตลอด 24 ชั่วโมง  หรือโทร. 094-968-4294   (10.00-20.00น.)

สุขภาพฟันที่ดีเริ่มต้นได้ด้วยการตัดสินใจที่ถูกต้อง อย่าปล่อยให้ความกังวลเรื่องความเจ็บปวดมาหยุดยั้งคุณจากการมีรอยยิ้มที่มั่นใจและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

Q&A เหงือกบวม ปวดฟันกราม รวบรวมทุกเรื่องที่ควรรู้

Create Date | 21 ตุลาคม, 2024 8268 Views
ผู้หญิงกำลังปวดเหงือกด้านในสุด เหงือกบวมเป็นหนอง

ใครหลายคนคงเคยประสบปัญหาปวดฟัน ปวดเหงือก ซึ่งเป็นอาการที่สร้างความรำคาญและส่งผลต่อชีวิตประจำวันไม่น้อย แต่รู้หรือไม่ว่าอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพช่องปากที่ร้ายแรงกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงปัญหาเหงือกบวมเป็นหนอง ปวดฟันกราม ซึ่งอาจนำไปสู่โรคเหงือกอักเสบหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง วันนี้เรามาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับปัญหาเหงือกและฟันกันแบบครบถ้วนผ่านบทความ Q&A นี้กันเลย

เหงือกที่ดี (Healthy Gums) มีลักษณะอย่างไร ?

เหงือกที่แข็งแรง เป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพฟันที่ดี เหงือกที่สมบูรณ์จึงควรมีสีชมพูอมแดง ไม่ซีดหรือแดงจัด เนื้อเหงือกจะแน่น ไม่บวมหรือนิ่ม เมื่อแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน จะไม่มีเลือดออก และไม่มีอาการเจ็บปวดหรือรู้สึกระคายเคือง หากเหงือกของคุณมีลักษณะเหล่านี้ แสดงว่าคุณกำลังดูแลสุขภาพช่องปากได้เป็นอย่างดี แต่ในทางกลับกันหากเหงือกบวมเป็นหนอง ปวดฟันกราม แสดงว่าคุณอาจกำลังเผชิญหน้ากับโรคปริทันต์ที่ต้องให้ทันตแพทย์รักษาก็เป็นได้

เหงือกบวมเกิดจากอะไร และมีลักษณะอย่างไร ?

อาการปวดเหงือกด้านในสุด เหงือกบวม หรือเริ่มมีอาการเหงือกเป็นตุ่ม มีความนิ่มผิดปกติ อาจสันนิษฐานได้ว่าคุณกำลังเจอภาวะเหงือกอักเสบ ปัญหายอดนิยมของช่องปากและฟัน โดยสามารถเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ดังนี้

  • เหงือกบวมจากกระดูกงอก : เกิดจากการเจริญเติบโตของกระดูกที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องเข้ารับการรักษาโดยทันตแพทย์
  • เหงือกบวมจากผลข้างเคียงของยา : ยาบางชนิดอาจส่งผลให้เกิดอาการบวมที่เหงือก หากมีการใช้ยารักษาโรคและเกิดอาการดังกล่าวในช่วงระยะเวลานั้น ๆ ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อทำการปรึกษาและเปลี่ยนตัวยาให้เหมาะสม
  • เหงือกบวมจากการถูกระคายเคืองเป็นเวลานาน : อาจเกิดจากการแปรงฟันแรง หรือใช้แปรงสีฟันที่แข็งเกินไป จนทำให้เหงือกอักเสบและบวมได้
  • เหงือกบวมจากโรคปริทันต์ หรือโรคเหงือกอักเสบ : เกิดจากการทำความสะอาดช่องปากและฟันไม่ทั่วถึง จนเกิดคราบแบคทีเรียสะสม ติดเชื้อ ทำให้เหงือกบวมเป็นหนองและลุกลามได้
  • เนื้องอกในหญิงมีครรภ์ : ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเหงือกได้
  • เหงือกบวมเป็นตุ่มเล็ก ๆ มีหนองไหลผ่านออกมา : อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่รุนแรง ควรพบทันตแพทย์โดยเร็ว
  • เหงือกบวมจากฟันคุด : โดยจะมีอาการปวดเหงือกด้านในสุด ซึ่งเกิดจากการที่ฟันกรามซี่สุดท้ายกำลังขึ้น หรือขึ้นไม่เต็มซี่จนเกิดช่องว่างทำให้กลายเป็นแหล่งสะสมเศษอาหารและแบคทีเรีย จนนำไปสู่อาการเหงือกบวม เจ็บ และอักเสบได้
  • ก้อนมะเร็ง : แม้จะพบได้น้อย แต่ก้อนที่เหงือกอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งช่องปาก ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ และทำการรักษาให้ทันท่วงที

 

สัญญาณของเหงือกอักเสบ

  • รู้สึกเจ็บหรือไม่สบายบริเวณเหงือก สัญญาณต้น ๆ ที่บ่งบอกว่าเหงือกบวม และกำลังติดเชื้อ
  • เหงือกมีสีแดงคล้ำหรือม่วง ซึ่งสีที่เปลี่ยนไปนี้บ่งบอกถึงการอักเสบและการไหลเวียนเลือดที่ผิดปกติ
  • เหงือกบวมและนิ่ม เป็นผลมาจากการตอบสนองต่อการติดเชื้อในบริเวณนั้น ๆ
  • มีเลือดออกง่ายเมื่อแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน เนื่องจากเหงือกที่อักเสบจะมีความบอบบาง จึงทำให้เลือดออกได้แม้ใช้แรงเพียงเล็กน้อย
  • มีกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียและการติดเชื้อภายในช่องปาก

 

เหงือกบวมอักเสบกี่วันหาย ?

โดยปกติทั่วไปแล้ว การพักฟื้นของเหงือกจะมีหลายระยะเวลาด้วยกัน ถ้าเป็นในช่วงเริ่มต้น อาการไม่ได้รุนแรงมากนัก รักษาได้ด้วยการขูดหินปูนก็จะใช้เวลาอยู่ที่ 1-2 สัปดาห์จึงหาย แต่ถ้าหากมีอาการเหงือกบวมเป็นหนอง ปวดฟันกรามในขั้นรุนแรงจนถึงขั้นต้องผ่าตัด ก็อาจจะใช้เวลาในการพักฟื้นนานขึ้น 3-4 สัปดาห์

หากพบว่าเหงือกบวม ควรรักษาอย่างไร ?

การดูแลสุขภาพเหงือก เป็นส่วนสำคัญของการรักษาสุขภาพช่องปากโดยรวม เมื่อพบว่าเหงือกมีอาการบวม การรับมือที่ถูกต้องและทันท่วงทีจะช่วยบรรเทาอาการ พร้อมป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลุกลามได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคุณสามารถเริ่มต้นด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ดังนี้

ผู้หญิงกำลังทำความสะอาดฟัน ลดอาการเหงือกบวมเป็นหนอง

1. ทำความสะอาดฟันและเหงือกอย่างสม่ำเสมอ

ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อกำจัดคราบแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการอักเสบ ควรใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและแปรงเบา ๆ เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาเหงือกบวมเป็นหนองและลุกลามได้ในที่สุด

2. ใช้ไหมขัดฟันเพื่อกำจัดเศษอาหารระหว่างซอกฟัน

ควรใช้ไหมขัดฟันที่สามารถซอกซอนบริเวณที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง เพื่อช่วยกำจัดเศษอาหารและคราบพลัคที่สะสมระหว่างซอกฟัน ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียอันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เหงือกอักเสบและเกิดโรคปริทันต์

3. ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ Chlorhexidine (คลอร์เฮกซิดีน)

Chlorhexidine (คลอร์เฮกซิดีน) เป็นสารต้านจุลชีพที่มีประสิทธิภาพข่วยลดการอักเสบของเหงือกได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ควรใช้ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เนื่องจากการใช้เป็นเวลานานอาจส่งผลข้างเคียง เช่น คราบสีบนฟัน เป็นต้น

4. หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง

เพราะน้ำตาลเป็นอาหารสำคัญของแบคทีเรียในช่องปาก การลดการบริโภคน้ำตาลทั้งจากอาหาร ขนม และเครื่องดื่ม จะช่วยลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของการอักเสบบริเวณเหงือกได้

5. พบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจและทำความสะอาดอย่างละเอียด

วิธีสุดท้ายที่ได้ผลดีที่สุด คือการพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ โดยประมาณระยะเวลาอยู่ที่ทุก ๆ 6 เดือน เพราะจะช่วยดูแลรักษาช่องปากให้มีสุขภาพที่ดีได้อย่างยั่งยืน ในขณะเดียวกัน หากพบปัญหาเหงือกบวม ปวดฟันกราม ทันตแพทย์ก็จะช่วยวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริง และให้การรักษาที่เหมาะสม เช่น การขูดหินปูน หรือการรักษาเฉพาะทางได้อย่างตรงจุด

การรักษาเหงือกบวมด้วยตนเองสามารถช่วยบรรเทาอาการในเบื้องต้นได้ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น ควรพบทันตแพทย์โดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามเป็นโรคปริทันต์ที่รุนแรง ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมได้ การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอและการตรวจฟันเป็นประจำ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันและรักษาปัญหาเหงือกบวมในระยะยาว

ตรวจสุขภาพเหงือกและฟันเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเหงือกบวม รวมไปถึงแก้ไขปัญหาฟันคุดได้อย่างมั่นใจ เพียงใช้บริการคลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่ ที่ดำเนินการโดยทีมทันตแพทย์ผู้ชำนาญการด้านช่องปากและฟัน พร้อมตรวจวินิจฉัย และให้การดูแล ตลอดจนการจัดฟันเพื่อแก้ไขปัญหาฟันคุด รวมถึงช่องว่างที่ทำให้เกิดการสะสมของสิ่งไม่พึงประสงค์ได้อย่างปลอดภัย

มองหาคลินิกจัดฟันที่ปลอดภัยในกรุงเทพฯ ต้องคลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่ การันตีผลลัพธ์ฟันสวยที่คุ้มค่า คุ้มราคา จนคุณสามารถเผยรอยยิ้มสดใสได้อย่างมั่นใจ สามารถติดต่อสอบถามและนัดหมายล่วงหน้าได้ทาง LINE @theivorydental (มี @ ด้วย) หรือ โทร. 02-275-3599, 094-968-4294 พร้อมเปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อมูลอ้างอิง: 

คู่มือดูแลสุขภาพช่องปาก เจาะสาเหตุและการรักษาเมื่อฟันหน้าหัก

Create Date | 21 ตุลาคม, 2024 773 Views
มือที่มีฟันวางอยู่ ทำให้เกิดคำถามว่าฟันกรามหลุด ทำอย่างไรดี ?

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับช่องปาก ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อรูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อการเคี้ยวอาหารและการพูดอีกด้วย ซึ่งหากฟันแท้หลุด หรือฟันกรามหลุด ก็อาจทำให้หลายคนกังวลใจว่าควรทำอย่างไรดี ? บทความนี้จึงจะพาไปเจาะลึกปัญหาฟันหลุดว่ามีสาเหตุจากอะไร พร้อมแนะนำการรักษา เพื่อให้สามารถรับมือได้เมื่อเผชิญสถานการณ์จริง

ฟันหลุด หรือหัก เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

ปัญหาฟันหลุด หรือหัก เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก การรู้จักสาเหตุ จะช่วยให้สามารถป้องกันและดูแลสุขภาพช่องปากได้ดียิ่งขึ้น

ฟันหน้าหัก

ฟันหน้า เป็นส่วนที่โดดเด่นและมีความสำคัญต่อบุคลิกภาพ เนื่องจากตำแหน่งที่อยู่ด้านหน้า ทำให้ต้องรับแรงกระแทกโดยตรงจากภายนอก จึงมีความเสี่ยงต่อการหักได้มากกว่าฟันซี่อื่น เช่น อุบัติเหตุ การล้ม การกระแทก หรือโรคฟันผุที่ทำให้โครงสร้างฟันอ่อนแอ

ฟันกรามหลุด

ตามปกติแล้ว ฟันกรามมีหน้าที่สำคัญในการบดเคี้ยวอาหาร หากฟันกรามหลุดไป จะส่งผลกระทบต่อการบดเคี้ยวอาหาร และอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ โดยอาจเกิดจากการกัดฟันแรง ๆ ในขณะนอนหลับ หรือโรคปริทันต์ที่ทำให้เหงือกและกระดูกรอบ ๆ ฟันเสื่อมสภาพ รวมถึงการเกิดฟันผุลุกลามจนไม่สามารถรักษาได้

ผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อฟันหลุด หรือหัก

  • ปัญหาในการเคี้ยวอาหาร เนื่องจากฟันมีหน้าที่สำคัญในการบดเคี้ยวอาหาร การสูญเสียฟันทำให้การเคี้ยวอาหารเป็นไปได้ยากขึ้น จนอาจส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้นและอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่นตามมา เช่น โรคท้องผูก ท้องอืด
  • ส่งผลต่อการพูด ฟันไม่เพียงมีหน้าที่ในการบดเคี้ยวเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการออกเสียง การสูญเสียฟันโดยเฉพาะอย่างยิ่งฟันหน้า อาจทำให้พูดไม่ชัดเจน
  • ขาดความมั่นใจ การสูญเสียฟันทำให้รอยยิ้มไม่สมบูรณ์ ส่งผลต่อบุคลิกภาพ และอาจทำให้ขาดความมั่นใจในตนเอง
  • นำไปสู่ปัญหาต่อฟันซี่อื่น เมื่อสูญเสียฟันไป ฟันซี่อื่นอาจเคลื่อนเข้ามาแทนที่ช่องว่างที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการสบฟันผิดปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาฟันผุ ฟันสึก หรือโรคปริทันต์ได้

 

วิธีรักษาเมื่อฟันแท้หลุด หรือเกิดหักไป

เมื่อฟันกรามหรือฟันหน้าหลุดแม้เพียง 1 ซี่ ก็ย่อมส่งผลต่อความหนักใจ ทำให้เกิดคำถามว่าควรทำอย่างไรดี ? โดยในปัจจุบันมีวิธีการรักษาที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ด้วยวิธี ดังนี้

การต่อฟันหัก

การต่อฟันหัก เป็นวิธีการรักษาที่เหมาะสำหรับกรณีที่ฟันหักเพียงบางส่วนและยังมีชิ้นส่วนของฟันที่หักอยู่ครบถ้วน โดยกระบวนการรักษา ทันตแพทย์จะประเมินความเสียหายของฟัน และตรวจสอบชิ้นส่วนที่หักว่าสามารถนำมาต่อกลับเข้าที่ได้หรือไม่ จากนั้นจะทำความสะอาดทั้งฟันที่เหลืออยู่และชิ้นส่วนที่หัก จากนั้นจะใช้วัสดุพิเศษทางทันตกรรมในการยึดชิ้นส่วนกลับเข้าด้วยกัน โดยมีข้อดีคือสามารถรักษาฟันธรรมชาติไว้ได้มากที่สุด แต่มีข้อจำกัดคือต้องทำภายในระยะเวลาที่จำกัดหลังเกิดอุบัติเหตุ อีกทั้งชิ้นส่วนฟันที่หักต้องอยู่ในสภาพที่ดีพอที่จะนำมาต่อได้

การอุดฟัน

สำหรับกรณีที่ฟันหักไม่รุนแรงมาก หรือไม่สามารถหาชิ้นส่วนฟันที่หักมาต่อได้ การอุดฟันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้ความเสียหายลุกลาม โดยทันตแพทย์จะใช้วัสดุอุดฟันพิเศษเพื่อเติมเต็มส่วนที่หายไป เช่น วัสดุสีเหมือนฟันธรรมชาติที่ทำจากเรซินคอมโพสิต หรือวัสดุโลหะผสมอมัลกัม ซึ่งการเลือกใช้วัสดุจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของความเสียหาย

ทันตแพทย์เทียบสีฟันเพื่อทำการรักษาเมื่อฟันหน้าหัก

การครอบฟัน

ในกรณีที่ฟันหักเป็นบริเวณกว้าง หรือมีความเสียหายมาก การทำครอบฟันอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด โดยมีความทนทานสูง สามารถใช้งานได้เป็นระยะเวลานาน ให้ความสวยงามใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ซึ่งจะเริ่มรักษาด้วยการกรอแต่งฟันที่เสียหายให้มีรูปร่างเหมาะสมสำหรับการสวมครอบฟันเทียม จากนั้นทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ปาก เพื่อส่งไปผลิตครอบฟันที่มีขนาดและรูปร่างเหมาะสมกับช่องปากของผู้ป่วยมากที่สุด

การทำรากฟันเทียม

การทำรากฟันเทียม เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันแท้ไปอย่างถาวร โดยจะเริ่มจากการผ่าตัดฝังรากเทียมที่ทำจากไทเทเนียมลงในกระดูกขากรรไกร จากนั้นต้องรอให้กระดูกเชื่อมประสานกับรากเทียม เมื่อรากเทียมยึดแน่นดีแล้ว ทันตแพทย์จะใส่ครอบฟัน หรือฟันปลอม ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับยึดติดกับรากเทียม ซึ่งเป็นวิธีที่ให้ความแข็งแรงสูง สามารถใช้งานได้เหมือนฟันธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกขากรรไกรในบริเวณที่สูญเสียฟันไปได้อีกด้วย

การทำฟันปลอมแบบถอดได้

ฟันปลอมแบบถอดได้ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันหลายซี่ หรือมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่นได้ โดยสามารถทำได้ทั้งแบบฐานพลาสติกและแบบโครงโลหะ ซึ่งข้อดีคือมีค่าใช้จ่ายไม่สูงมากเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด สามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย สะดวกต่อการใช้ชีวิต แต่ผู้ใช้อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัว

ใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาจากการสูญเสียฟันธรรมชาติ อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน ! ควรรีบแก้ไขด้วยวิธีที่เหมาะกับตนเอง เช่น การทำฟันปลอมแบบถอดได้ เพื่อเข้ามาเติมเต็มช่องว่าง พร้อมทำหน้าที่บดเคี้ยวอาหารอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องผ่าตัด แถมยังสวมใส่ง่าย ดูแลรักษาความสะอาดได้อย่างทั่วถึง

หากมองหาคลินิกทำฟันปลอมแบบใส่ทันที หรือฟันปลอม 1 ซี่ แต่ไม่รู้จะเลือกที่ไหนดี ? แนะนำคลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่ ที่ให้การดูแลโดยทีมทันตแพทย์เฉพาะทาง พร้อมให้การวินิจฉัยและแนะนำแนวทางการรักษาด้วยฟันปลอมแบบถอดได้ ทั้งฟันหน้า และทั้งปาก ในราคาคุ้มค่า อีกทั้งยังได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ISO 9001:2015 จึงการันตีได้อย่างดีถึงการบริการและความปลอดภัยอย่างมีคุณภาพ สามารถติดต่อสอบถามและนัดหมายล่วงหน้าได้ทาง LINE @theivorydental (มี @ ด้วย) หรือ โทร. 02-275-3599, 094-968-4294 พร้อมเปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อมูลอ้างอิง: 

เช็กลิสต์ยิ้มสวย ! ประเภทฟันแบบไหนควรจัดฟันใสบ้าง ?

Create Date | 19 มิถุนายน, 2024 175 Views
เลือกจัดฟันใสที่ไหนดี ควรพิจารณาจากอะไร

รอยยิ้ม เปรียบเสมือนหน้าต่างบานแรกที่สื่อถึงบุคลิกภาพที่ดี เพราะการยิ้มสวย แสดงถึงความมั่นใจและดึงดูดให้รู้สึกเป็นมิตร แต่บางคนกลับรู้สึกไม่กล้ายิ้มเพียงเพราะฟันเรียงตัวไม่สวย และมีปัญหาฟัน จนกลายเป็นอุปสรรคที่ลดทอนความมั่นใจ นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณต้องกลับมาสังเกตว่า แท้จริงแล้วปัญหาฟันเกิดจากอะไร ฟันแบบไหนควรจัดฟัน เพื่อคืนความมั่นใจในรอยยิ้ม

 

ปัญหาฟันที่ต้องแก้ด้วยการ “จัดฟันใส”

ฟันแบบไหนควรจัดฟัน ? หนึ่งในคำถามที่หลายคนอาจสงสัยและใคร่รู้ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับรอยยิ้มที่ไม่สมบูรณ์ เพราะไม่สามารถโชว์ฟันได้อย่างมั่นใจ ลองมารีเช็กตัวเองกันสักหน่อย หากปัญหาการเรียงตัวของฟันเข้าข่ายทั้ง 4 รูปแบบนี้ ก็สามารถเข้ารับการปรึกษาเพื่อทำการจัดฟันกับทันตแพทย์ได้เลย

1. ปัญหาฟันซ้อน ฟันเก

ปัญหาฟันซ้อน ฟันเก ฟันเหลื่อม ฟันยื่น ล้วนส่งผลต่อภาพลักษณ์และความมั่นใจ ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วย “การจัดฟันใส” ตัวเลือกเครื่องมือที่ช่วยจัดเรียงฟันให้เข้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยแรงกดค่อย ๆ ขยับฟันทีละน้อย พร้อมช่วยเผยรอยยิ้มที่สวยงามและฟันเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบได้อย่างมั่นใจ

2. ปัญหาฟันห่าง

ปัญหาช่องว่างระหว่างฟันกว้าง หรือห่าง ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลต่อสุขภาพช่องปาก เนื่องจากเป็นช่องว่างที่ทำให้เศษอาหารมีโอกาสติดตามซอกฟัน และอาจทำความสะอาดได้ยาก ส่งผลต่อเนื่องไปยังปัญหาฟันผุ และการเกิดโรคเหงือก ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขที่ต้นเหตุได้ด้วยการจัดฟันใส เพื่อลดช่องว่างระหว่างฟันนั่นเอง

3. ปัญหาการสบฟัน

ปัญหาการสบฟันผิดปกติ ส่งผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพการบดเคี้ยวอาหาร อาจทำให้รู้สึกปวดขากรรไกร หรือเกิดปัญหาเกี่ยวกับรากฟันได้ โดยสามารถใช้การจัดฟันใสดูแลได้ จะช่วยปรับการสบฟันให้ถูกต้อง เหมาะสม ลดปัญหาอาการปวดขากรรไกร และช่วยรักษาสุขภาพช่องปากในระยะยาว

4. เคยจัดฟันแล้วฟันล้ม

ปัญหาสุดท้ายซึ่งพบได้บ่อยนั่นคือ ปัญหาฟันล้ม อันเกิดขึ้นหลังจากการจัดฟันเสร็จ แล้วละเลยในการปฏิบัติหรือดูแลตัวเองหลังจัดฟัน ไม่ใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ จนทำให้ฟันเคลื่อนสู่ที่เดิม และเริ่มล้มได้ในที่สุด หากมีปัญหาดังกล่าว ก็สามารถทวงคืนฟันสวยดังเดิมได้ด้วยการเข้ารับการจัดฟันใส โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการจัดฟันแบบดั้งเดิมที่อาจซับซ้อนและใช้เวลานานอีกต่อไป

ทันตกรรมการจัดฟันใส เพื่อฟันสวยมั่นใจกว่า

สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจัดฟันแบบไหนดีที่สุด เราขอแนะนำวิธีการจัดฟันใส หนึ่งในเทคนิคการจัดฟันที่ทันสมัย ด้วยตัววัสดุที่เลือกใช้ซึ่งมีความใสเป็นพิเศษ ทั้งยังกระชับเข้ากับรูปฟันของแต่ละบุคคลได้ดี โดยผ่านการพิมพ์ฟันแบบ 3D พร้อมออกแบบผลิตตามแผนการรักษา เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์การจัดฟันที่น่าพึงพอใจมากที่สุด

เผยเหตุผลทำไมจัดฟันใส คือคำตอบของการจัดฟันแบบไหนดีที่สุด

 

ทำไมต้องจัดฟันใส ?

  • โปร่งใส ยิ้มได้มั่นใจไร้กังวล : เครื่องมือจัดฟันใสมีลักษณะเด่นด้านความบางเฉียบ โปร่งใส ทำให้กลมกลืนไปกับสีฟัน จึงไม่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะสังเกตเห็นการจัดฟัน
  • สะดวกสบาย ถอดเข้าออกได้ : เครื่องมือจัดฟันใสสามารถถอดเข้าออกได้ง่าย สะดวกต่อการรับประทานอาหาร แปรงฟัน และดูแลรักษาความสะอาดช่องปาก
  • รวดเร็ว ประหยัดเวลา : การจัดฟันใสใช้เวลาในการรักษาโดยเฉลี่ยประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของแต่ละบุคคล และความสม่ำเสมอในการใส่เครื่องมือ
  • ดูแลรักษาง่าย : เครื่องมือจัดฟันใสทำจากวัสดุที่ทนทาน ทำความสะอาดง่าย เพียงใช้แปรงสีฟันขนนุ่มกับน้ำและยาสีฟันเล็กน้อย ทำการขัดเครื่องมือก่อนใส่ รวมถึงการทำความสะอาดฟันก็สามารถทำได้ง่าย ไร้เครื่องมือปิดกั้น ทำให้สามารถดูแลรักษาได้ทุกซอกฟัน
  • เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ : ทันตกรรมจัดฟันใสเหมาะกับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา วัยทำงาน หรือผู้ประกอบการ เพราะสามารถถอดเครื่องมือจัดฟันใสออกได้ก่อนไปร่วมงานสำคัญ หรือถ่ายรูปได้อย่างมั่นใจ

ระบบการทำงานของเครื่องมือจัดฟันใส

  • การออกแบบและวางแผนการรักษา : โดยทันตแพทย์จะสแกนฟัน 3 มิติของผู้รับบริการ เพื่อนำข้อมูลไปออกแบบการเรียงตัวของฟัน โดยคำนึงถึงความสวยงามและหลักการทางคลินิก เพื่อสร้างแผนการรักษา และประมาณจำนวนเครื่องมือการจัดฟันใสที่ต้องใช้ได้อย่างเหมาะสม
  • การใส่เครื่องมือจัดฟันใส : ทันตแพทย์จะแนะนำวิธีการใส่เครื่องมือจัดฟันใส โดยจะต้องใส่อย่างน้อย 22 ชั่วโมง/วัน สามารถถอดได้เวลารับประทานอาหาร แปรงฟัน และทำความสะอาดช่องปาก และควรเปลี่ยนเครื่องมือจัดฟันใหม่ทุก ๆ 2-3 สัปดาห์ เพื่อให้เป็นไปตามแผนการรักษาได้ดีที่สุด
  • การติดตามผล : ผู้รับบริการจะต้องเข้ามาพบทันตแพทย์เพื่อติดตามผลเป็นระยะ ตามช่วงเวลาที่ทำการนัดหมาย ซึ่งทันตแพทย์จะช่วยประเมินความคืบหน้าและอาจมีการปรับแผนการรักษา หากจำเป็น

การเตรียมตัวก่อนการจัดฟันใส

  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม : เพื่อประเมินปัญหาฟัน วางแผนการรักษา และเลือกเครื่องมือจัดฟันใสที่เหมาะสม
  • เตรียมความพร้อมของช่องปาก : เช่น ขูดหินปูน อุดฟัน หรือรักษารากฟันให้เรียบร้อย
  • ถ่ายรูปเอกซเรย์หรือถ่ายภาพ 3D ช่องปาก : เพื่อตรวจสอบสภาพฟันและโครงสร้างกระดูกขากรรไกร สำหรับใช้วางแผนการรักษา
  • พิมพ์ปาก : เพื่อทำแม่พิมพ์สำหรับผลิตเครื่องมือจัดฟันใสให้เหมาะสมกับรูปแบบของฟัน

 

จะรู้ได้อย่างไรว่าควรเลือกจัดฟันที่ไหนดี ?

เพราะการตัดสินใจเลือกคลินิกจัดฟันเป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลต่อทั้งประสิทธิภาพของการรักษา สุขภาพช่องปาก และความประทับใจโดยรวมของผลลัพธ์ที่ได้ เราจึงรวบรวมข้อควรพิจารณามาฝากว่า คลินิกทันตกรรมแห่งไหนที่เหมาะจะเข้ารับบริการจัดฟัน

  • ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ : ดูจากใบอนุญาตประกอบสถานพยาบาล ใบประกอบวิชาชีพแพทย์ เพื่อเป็นหลักประกันถึงความปลอดภัยในการรักษา และความครบครันด้านอุปกรณ์ รวมถึงการช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน
  • เลือกดูรีวิวและประสบการณ์ของคลินิก : สามารถตรวจสอบได้ทั้งจากเว็บไซต์ กูเกิ้ลรีวิว โซเชียลมีเดีย รวมถึงสอบถามคนใกล้ชิด เพื่อตรวจสอบระดับความน่าเชื่อถือก่อนเข้ารับบริการ
  • ศึกษาเทคโนโลยีรองรับการจัดฟัน : เพื่อตรวจสอบว่าคลินิกที่จะเลือกมีเครื่องมือเพียงพอต่อการให้บริการที่ทันสมัยหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเครื่องสแกนฟัน 3D ที่จำเป็นมาก ๆ กับการจัดฟันใส ตลอดจนแบรนด์เครื่องมือจัดฟันใสที่ใช้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าวัสดุและนวัตกรรมของแบรนด์นั้น ๆ จะสามารถช่วยจัดการปัญหาการเรียงตัวของฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
  • ความสะดวกในการเดินทาง : ตรวจสอบสถานที่ตั้ง ควรเลือกที่ใกล้บ้าน และมีเวลาเปิด-ปิดทำการที่ยืดหยุ่นต่อตารางเวลาของแต่ละบุคคล

 

สำหรับใครที่สนใจการจัดฟันใส แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกจัดฟันที่ไหนดี คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่ ขอเป็นหนึ่งในผู้ช่วยที่จะจัดฟันสวยให้แก่คุณ ! ด้วยบริการทำฟันครบวงจร พร้อมทีมทันตแพทย์ผู้ชำนาญการด้านทันตกรรมมากกว่า 30 ท่าน ที่เข้ามาช่วยประเมิน ให้คำปรึกษา และดูแลระหว่างการจัดฟันแบบใส เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า คุ้มราคา จนคุณสามารถเผยรอยยิ้มสดใสได้อย่างมั่นใจ

สามารถติดต่อสอบถามและนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ LINE @theivorydental (มี @ ด้วย) หรือ โทร. 02-275-3599, 094-968-4294 พร้อมเปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. จัดฟันใส Clear Aligner สร้างความมั่นใจ ได้รอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติ. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567
  2. Teeth Braces. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567

รู้จักการ ‘จัดฟันใส’ (Clear Aligner) คืออะไร ทำไมน่าสนใจ?

Create Date | 9 มกราคม, 2024 2559 Views
รู้จักการจัดฟันแบบ Clear Aligner

การจัดฟันแบบ Clear Aligner คืออะไร มีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง

เชื่อไหมว่าเพียงรอยยิ้มเดียวก็สามารถเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อเราได้ เพราะรอยยิ้มส่งผลต่อบุคลิกภาพ ช่วยสร้างสัมพันธภาพที่มีต่อผู้คนได้ แต่การเผยรอยยิ้มอย่างจริงใจอาจไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะทำได้ ด้วยปัญหาสุขภาพช่องปากมากมายที่ส่งผลต่อความมั่นใจ และการจัดฟันเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้ฟันเรียงตัวสวยงามได้ โดยมีหลากหลายประเภทให้เลือกตามความเหมาะสมของผู้จัดฟัน โดยเฉพาะการจัดฟันแบบใส อย่างที่หลายคนเคยได้ยินถึงการจัดฟันแบบ Clear Aligner ด้วย Invisalign ซึ่งวันนี้เราจะพาไปเจาะลึกกันให้ชัดว่าการจัดฟันใสคืออะไร มีกี่แบบ ดีไหม มีข้อเสียอย่างไรบ้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจให้คนที่เริ่มสนใจและพิจารณาการจัดฟันใสไว้เป็นตัวเลือกกัน

Table of Content:

 

การจัดฟันใส (Clear Aligner) คืออะไร

การจัดฟันใส เป็นการจัดฟันแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการจัดฟันแบบถอดได้ โดยใช้เครื่องมือจัดฟันที่ทำจากวัสดุพลาสติกใสมาครอบให้แนบสนิทไปกับตัวฟัน ทำให้มองไม่เห็นเครื่องมือจัดฟัน อีกทั้งยังสามารถถอดออกได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟันและต้องทำงานพบเจอผู้คนเป็นประจำ จึงไม่อยากให้เห็นเหล็กจัดฟัน

 

ข้อดีและข้อจำกัดของการจัดฟันใส

ข้อดีของการจัดฟันใส

  • มองไม่เห็นเครื่องมือจัดฟัน ไม่ทิ้งร่องรอย

เครื่องมือจัดฟัน Clear Aligner ทำจากพลาสติกใส ทำให้มองไม่เห็นจากภายนอก ผู้จัดฟันจึงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่รู้สึกเขินอายเมื่อต้องเข้าสังคม เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องบุคลิกภาพและความสวยงามในระหว่างการจัดฟัน

  • สามารถถอดออกได้

การจัดฟันใสสามารถถอดออกได้อย่างง่ายดาย เมื่อต้องการทานอาหาร แปรงฟัน หรือทำความสะอาดช่องปาก ทำให้ผู้จัดฟันสามารถทานอาหารได้อย่างสะดวกและสวมใส่ได้ทันทีเมื่อทานเสร็จ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องเศษอาหารติดเครื่องมือจัดฟัน

  • ผลลัพธ์รวดเร็ว แม่นยำ

นอกจากความสวยงามและความสะดวกในการใช้ชีวิตแล้ว เหตุผลที่สำคัญที่สุด คือการจัดฟันใสสามารถให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้ในเวลาไม่นาน เนื่องจากเป็นการรักษาโดยใช้หลักการเคลื่อนฟันด้วยแรงดันจากแผ่นยึดพลาสติกใส ร่วมกับการติดตามผลจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้สามารถควบคุมทิศทางการเคลื่อนของฟันได้อย่างแม่นยำ และได้ผลลัพธ์ตามแผนการรักษาที่กำหนดไว้ ซึ่งหากเทียบกับการจัดฟันแบบติดเหล็กทั่วไปแล้ว การจัดฟันใสก็ถือว่าใช้เวลาในการรักษาโดยเฉลี่ยน้อยกว่า เพราะไม่ต้องเสียเวลารอให้ลวดจัดฟันขยาย ทำให้สามารถรักษาฟันให้เรียงตัวได้อย่างสวยงามภายในระยะเวลาที่เหมาะสม

การจัดฟันใสที่สามารถถอดได้ง่าย

ข้อเสีย หรือข้อจำกัดของการจัดฟันใส

  • เหมาะสำหรับปัญหาฟันที่ไม่ซับซ้อนมากนัก

ตามปกติแล้วการจัดฟันใสสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นฟันเกนิดหน่อย หรือปัญหาฟันยื่น ฟันห่างเล็กน้อย แต่หากปัญหาฟันเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น กรณีที่มีฟันซ้อนมาก หรือฟันล้ม อาจต้องใช้การจัดฟันแบบติดเครื่องมือ เพราะมีประสิทธิภาพในการเคลื่อนฟันได้มากกว่า

  • อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันแบบดั้งเดิม

แน่นอนว่าการจัดฟันแบบใสมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันดั้งเดิม เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและต้องใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการจัดฟันใสอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความซับซ้อนของแผนการรักษา รวมถึงผู้ให้บริการจัดฟัน

 

ไขข้อสงสัย Clear Aligner และ Invisalign คืออะไร

โดยทั่วไป เมื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการจัดฟันใส มักจะมีข้อมูลของ Invisalign ตามมา จนหลายคนคิดไปว่า Invisalign เป็นรูปแบบของการจัดฟันใส แต่แท้จริงแล้ว Invisalign คือแบรนด์ที่มีเทคโนโลยีเฉพาะในการจัดฟันใส Clear Aligner ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจนถูกเรียกติดปาก กลายมาเป็นอีกชื่อเรียกของการจัดฟันใสไปเสียแล้ว ซึ่งนอกจาก Invisalign แล้วการจัดฟันใสยังมีทางเลือกอีกมากมายที่อาจจะมีราคาถูกกว่าในประสิทธิภาพมาตรฐานอย่าง Kase Aligner

รู้จักเครื่องมือจัดฟันแบบใส Kase Aligner

เครื่องมือจัดฟันใส Kase Aligner เป็นนวัตกรรมที่ผสมผสานระหว่างการใช้ ‘ศิลปะ’ ด้วยการใช้เทคนิคเพื่อสร้างรอยยิ้มสวย มาผสานเข้ากับ ‘เทคโนโลยี’ ทางทันตกรรมที่นำเข้ามาจากอเมริกา เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติ ด้วยแผนการรักษาที่ผ่านการออกแบบและดูแลทุกขั้นตอนจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงอย่างแม่นยำ ภายใต้การใช้เครื่องสแกนฟันดิจิทัล 3 มิติ ในการวิเคราะห์ปัญหาของโครงสร้างฟันที่มีความละเอียดสูง พร้อมแสดงผลลัพธ์ที่สำเร็จได้ตั้งแต่ก่อนจัดฟัน เพื่อให้ได้รอยยิ้มที่สวยงาม สมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์ความมั่นใจ ในราคาไม่แพง

หมดปัญหาเลือกไม่ถูก ไม่รู้ควรจัดฟันใสแบบไหนให้เหมาะสม เพราะที่คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่ ห้วยขวาง รัชดา ให้บริการทำฟันครบวงจร พร้อมกับทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมมากกว่า 30 ท่าน มากด้วยประสบการณ์ด้านทันตกรรมที่คุณสามารถวางใจได้ ที่พร้อมให้คำแนะนำเพื่อสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีที่สุด สามารถติดต่อสอบถามและนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ LINE @theivorydental (มี @ ด้วย) หรือ โทร. 02-275-3599 , 094-968-4294 เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. All about clear aligners. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 จาก
    https://orthodonticsaustralia.org.au/all-about-clear-aligners/

 

ข้อดีของรากฟันเทียม

Create Date | 16 มิถุนายน, 2023 1800 Views
The-Ivory-Dental_คลินิกทันตกรรม-ดิไอวรี่_ข้อดีของรากฟันเทียม-1

ทำไมรากฟันเทียมจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการทดแทนฟัน

รากฟันเทียมเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการทดแทนฟันที่สูญเสียไป รากฟันเทียมจะถูกฝังเข้าไปในกระดูกขากรรไกรโดยการผ่าตัดและทำหน้าที่แทนรากฟันที่สูญเสียไป รากฟันเทียมมีข้อดีหลายประการเหนือตัวเลือกการทดแทนฟันอื่นๆ เช่น ฟันปลอมและสะพานฟัน ในบทความนี้ เราจะมาดูข้อดีของรากฟันเทียมว่ามีอะไรบ้าง

1.สีเหมือนฟันธรรมชาติ

รากฟันเทียมได้รับการออกแบบมาให้มีลักษณะและการทำงานเหมือนฟันธรรมชาติ ครอบฟันบนรากฟันเทียมผลิตขึ้นโดยเฉพาะเพื่อให้เข้ากับสีและรูปร่างของฟันที่มีอยู่ ทำให้ได้ฟันที่มีความสวยงาม รากฟันเทียมยังคืนความสามารถในการเคี้ยวอาหารและพูดให้ชัดขึ้น ซึ่งทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

2.แก้ปัญหาสูญเสียฟันถาวร

รากฟันเทียมเป็นวิธีแก้ปัญหาฟันที่สูญเสียไปอย่างถาวร รากฟันเทียมผลิตจากวัสดุที่ทนทาน เช่น ไททาเนียมและพอร์ซเลน ซึ่งออกแบบมาให้ใช้งานได้นานหลายสิบปี หากดูแลและบำรุงรักษาได้ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ รากฟันเทียมสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต

3.สุขภาพช่องปากดีขึ้น

รากฟันเทียมช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกและรักษาฟันที่อยู่รอบๆ เมื่อฟันหายไป กระดูกรอบๆ จะเริ่มเสื่อมลงเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งสามารถนำไปสู่การสูญเสียฟันและปัญหาทางทันตกรรมอื่น ๆ รากฟันเทียมกระตุ้นกระดูก ซึ่งช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกและรักษาฟันที่อยู่รอบๆ

The-Ivory-Dental_คลินิกทันตกรรม-ดิไอวรี่_ข้อดีของรากฟันเทียม-2

4.ความสะดวกสบาย

รากฟันเทียมเป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับการทดแทนฟัน ซึ่งแตกต่างจากฟันปลอมที่ต้องถอดและทำความสะอาดเป็นประจำ รากฟันเทียมจะติดอยู่กับกระดูกขากรรไกรอย่างถาวร ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเคี้ยวอาหาร พูด และทำกิจวัตรประจำวันได้โดยไม่ต้องกังวลเหมือนฟันปลอมที่มีโอกาสหลุด

5.ความมั่นใจเวลายิ้มหรือพูด

รากฟันเทียมสามารถปรับปรุงความมั่นใจขณะยิ้มหรือพูด เนื่องจากเป็นฟันทดแทนที่เหมือนฟันธรรมชาติ จึงทำให้คุณรู้สึกสบายใจมากขึ้นในสถานการณ์ต่างๆ ด้วยรากฟันเทียม คุณสามารถยิ้ม หัวเราะ และพูดได้อย่างมั่นใจ

โดยสรุปแล้ว รากฟันเทียม มีข้อดีหลายประการที่เหนือกว่าทางเลือกอื่นๆ ในการทดแทนฟัน เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ใช้งานได้ยาวนาน สะดวก และสวยงาม ซึ่งสามารถปรับปรุงสุขภาพช่องปากและคุณภาพชีวิตโดยรวมของคุณ หากคุณกำลังพิจารณาการทำรากฟันเทียม สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับทันตแพทย์เฉพาะทางเพื่อพิจารณาว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่

ปรึกษารากฟันเทียมกับทันตแพทย์เฉพาะทาง
ที่ LINE : @theivorydental
โทร. 094-968-4294
(10.00-20.00น.)

รากฟันเทียมคืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร

Create Date | 16 มีนาคม, 2023 2029 Views
The-Ivory-Dental_คลินิกทันตกรรม-ดิไอวรี่_รากฟันเทียมคืออะไร-มีขั้นตอนรักษาอย่างไร

รากฟันเทียมคืออะไร? การทำรากฟันเทียมเป็นวิธีการแทนที่ฟันที่สูญเสียไป ด้วยรากฟันเทียมที่มีความแข็งแรงเสมือนฟันธรรมชาติ  ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมมีหลายขั้นตอน  หลังทำรากฟันเทียมจำเป็นที่ต้องดูแลรักษาสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธี

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมมีดังนี้

    1. การวินิจฉัยและวางแผน: ทันตแพทย์จะทำการตรวจสอบสุขภาพช่องปากและฟันของคนไข้ รวมถึงการวิเคราะห์ภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์ และ CT Scan เพื่อวางแผนการรากฟันเทียมให้เหมาะสมที่สุด
    2. การเตรียมตัว: ทันตแพทย์จะทำการเคลียร์ช่องปาก ขูดหินปูน และถอนฟันในซี่ที่จำเป็น
    3. การฝังรากฟันเทียม: ทันตแพทย์จะทำการฝังรากฟันเทียมที่มีลักษณะคล้ายสกรู ลงไปในกระดูกขากรรไกรของคนไข้
    4. ช่วงรอพักฟื้น: ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลานานจาก 3-6 เดือน เพื่อให้กระดูกขากรรไกรกับรากฟันเทียมประสานกันได้อย่างมั่นคง
    5. การใส่ครอบฟัน: เมื่อรากฟันเทียมได้ประสานกับกระดูกขากรรไกรแล้ว ทันตแพทย์ จะทำการใส่ครอบฟันเทียมลงบนรากฟันเทียม ซึ่งจะถูกปรับให้เข้ากันอย่างถูกต้องกับฟันของคนไข้

การติดตามและดูแลรักษา: หลังจากการทำรากฟันเทียมเสร็จสิ้น คนไข้ควรมาพบทันตแพทย์ตามนัดติดตามอาการ และดูแลรักษาตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เช่น การเข้าพบทันตแพทย์เพื่อทำความสะอาดฟัน ตรวจดูสภาพรากฟันเทียม และตรวจหรือซ่อมแซมครอบฟันหากจำเป็น

สำหรับการดูแลรากฟันเทียมหลังจากการผ่าตัด คนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  1. หากมีอาการปวด: ทันตแพทย์อาจจะให้ยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบเพื่อลดอาการปวดหลังการผ่าตัด
  2. รักษาความสะอาด: ควรบ้วนปากอย่างสม่ำเสมอ ด้วยน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และใช้แปรงฟันที่มีขนแปรงนุ่ม ๆ เพื่อป้องกันการเกิดแผล
  3. รับประทานอาหารอ่อนหรือเคี้ยวง่าย: ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งและมีลักษณะที่ยากในการเคี้ยว เพื่อป้องกันการเป็นแผลในช่วงการรักษา
  4. การทำรากฟันเทียมเป็นการแก้ไขปัญหาฟันสูญเสียที่เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม แต่การดูแลรักษารากฟันเทียมหลังจากการผ่าตัด เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การดูแลอย่างถูกต้องจะช่วยให้รากฟันเทียมมีอายุการใช้งานที่ยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
  5. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้ประสิทธิภาพของรากฟันเทียมลดลง ทำให้การรักษาล้มเหลว
  6. มีการเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คเป็นระยะ : ควรเข้าพบทันตแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจเช็ครากฟันเทียม และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
  7. แปรงฟันอย่างถูกต้อง: ควรเรียนรู้และปฏิบัติตามเทคนิคการแปรงฟันที่ถูกต้องเพื่อทำความสะอาดรากฟันเทียม และช่องปากของคนไข้อย่างเหมาะสม

การทำรากฟันเทียมนั้นเป็นการรักษาที่สามารถช่วยให้คนไข้มีฟันที่เคี้ยวอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความสุขในชีวิตคนไข้ อย่างไรก็ตาม ควรให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลและปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์เพื่อให้การทำรากฟันเทียมประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

ปรึกษารากฟันเทียมกับทันตแพทย์เฉพาะทาง ได้ที่ LINE : @theivorydental  หรือโทร. 094-968-4294 (10.00-20.00น.)

 

จัดฟันแบบใส ปลอดภัย ลดเสี่ยงจากโควิด-19

Create Date | 20 กรกฎาคม, 2021 3360 Views
คลินิก-ทันตกรรม-ดิไอวรี่-จัดฟันใส-Invisalign-ปลอดภัย-โควิด19

ช่วงโควิด-19 หลาย ๆ ท่าน ที่กำลังตัดสินใจจัดฟัน อาจกังวลเรื่องความปลอดภัยในการมาจัดฟัน ซึ่งการจัดฟันแบบใสนั้นได้มาตอบโจทย์ปัญหานี้  มาดูเหตุผลที่การจัดฟันแบบใส เป็นทางเลือกที่ดีในการจัดฟันช่วงโควิด-19 กันค่ะ

เหตุผลที่เลือกการจัดฟันแบบใส ในช่วงโควิด-19?  

  1. การจัดฟันแบบใส ใช้เวลาในการปรึกษาที่รวดเร็ว ทราบผลลัพธ์การจัดฟันในทันที (CLIN check)
  2. ไม่ต้องพบทันตแพทย์บ่อย ทันตแพทย์จะให้อุปกรณ์จัดฟันแบบใส และใส่ตามทันตแพทย์แนะนำ ไม่ต้องปรับเครื่องมือทุกเดือนเหมือนจัดฟันแบบอื่น
  3. สบาย ปลอดภัย ด้วยวัสดุพิเศษ ไม่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บระหว่างจัดฟัน เช่นลวดทิ่มเหงือก เหมือนการจัดฟันแบบอื่น
  4. ถอดได้ในขณะรับประทานอาหาร และ แปรงฟัน ทำให้สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง ลดความเสี่ยงการเปิดปัญหาฟันผุ
  5. จัดฟันเสร็จเร็วกว่าจัดฟันทั่วไป

คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่ พร้อมดูแลสุขภาพฟันของคุณ ด้วยทีมทันตแพทย์ เฉพาะทางจัดฟันใส มากประสบการณ์ เพื่อให้คุณมีรอยยิ้มที่สวย และมั่นใจ

 

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

 


ปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางด้านจัดฟันแบบใส (ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย) ได้ที่ คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่

โทร. 02-275-3599 ได้ทุกวัน (ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.) หรือสามารถติดต่อได้ทาง LINE: @theivorydental

(เพิ่มเติม…)

หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ทำฟันได้ไหม?

Create Date | 13 กรกฎาคม, 2021 4618 Views
คลินิก-ทันตกรรม-ดิไอวรี่-ฉีดวัคซีน-โควิด19-ทำฟัน-ได้ไหม


หลังฉีดวัคซีนโควิด-19  ทำฟันได้ไหม?

วัคซีนโควิด-19 ไม่มีผลต่อการรักษาทางทันตกรรม ภายใต้การใช้ยาชาเฉพาะ ที่สามารถทำได้ทั้งก่อนและหลังการรับวัคซีน ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

โดยการรักษาทางทันตกรรมที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ยาชาร่วมด้วยนั้น สามารถทำได้ทั้งก่อนและหลังการรับวัคซีนโควิด-19 ภายใต้ความปลอดภัย ซึ่งก่อนการรักษาควรได้รับคำแนะนำและประเมินโดยทันตแพทย์

ยาชาที่ใช้ในการรักษาทางทันตกรรม ประกอบด้วย ตัวยาชา ยาที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว ส่วนของสารป้องกันการเสื่อมสลายของยาทั้งสองชนิด และส่วนของตัวทำละลาย โดยยาชาที่ใช้ทางทันตกรรม

มี 2 รูปแบบคือ ยาชาชนิดฉีด และชนิดเจล ใช้เพื่อระงับความรู้สึกในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา และบรรเทาอาการปวดภายหลังการรักษา ซึ่งไม่มีผลต่อภูมิคุ้มกัน ทั้งก่อนและหลังการรับวัคซีนโควิด-19 ในปริมาณยาชาที่เหมาะสมและถูกต้อง ดังนั้นคนไข้สามารถรับการฉีดยาชา เพื่อทำการรักษาได้อย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ในการรักษาทันตกรรมที่ไม่เร่งด่วน ควรเข้ารับการรักษาก่อนรับวัคซีนหรือภายหลังรับวัคซีนโควิด 2-3 วัน แต่ไม่เกิน 1 สัปดาห์ เพื่อลดความคลาดเคลื่อนในการวินิจฉัยแยกโรค เช่น ภาวะไข้ ว่ามีอาการข้างเคียงจากการรักษาทางทันตกรรมหรืออาการข้างเคียงจากวัคซีน

 

คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่ พร้อมดูแลสุขภาพฟันของคุณในทุกสถานการณ์ ด้วยทีมทันตแพทย์ เฉพาะทางโรคเหงือก มากประสบการณ์ ที่พร้อมจะดูแลรักษาฟันของคุณ ด้วยความใส่ใจ มือเบา และการให้บริการที่แบบเหนือระดับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

 


สอบถามหรือนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่ คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่

โทร. 02-275-3599 ได้ทุกวัน (ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.) หรือสามารถติดต่อได้ทาง LINE: @theivorydental

(เพิ่มเติม…)