ทำรากฟันเทียมเจ็บไหม?

Create Date | 16 มกราคม, 2025 419 Views
ทำ รากฟันเทียม เจ็บไหม

ทำรากฟันเทียมเจ็บไหม? ทำความเข้าใจขั้นตอนและความรู้สึกเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม

การสูญเสียฟันเป็นเรื่องที่หลายคนในวัย 50 ปีขึ้นไปต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอายุที่เพิ่มขึ้น โรคเหงือก หรืออุบัติเหตุ ซึ่งอาจทำให้การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเคี้ยวอาหารหรือพูดคุย กลายเป็นเรื่องยากและไม่สะดวก แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาด้วย รากฟันเทียม (Dental Implant) ได้กลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะช่วยฟื้นฟูรอยยิ้มและประสิทธิภาพในการเคี้ยวได้อย่างเต็มที่

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยจากผู้ที่สนใจรากฟันเทียมคือ “รากฟันเทียมเจ็บไหม?” ความกังวลเรื่องความเจ็บปวดและผลกระทบระหว่างการรักษาเป็นสิ่งที่หลายคนลังเลใจ บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัย และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อให้คุณเตรียมตัวอย่างมั่นใจ

การทำรากฟันเทียมเจ็บหรือไม่?

การทำรากฟันเทียมเป็นหัตถการที่เกี่ยวข้องกับการฝังวัสดุโลหะ (โดยปกติคือไทเทเนียม) ลงในกระดูกขากรรไกรเพื่อรองรับฟันปลอม ทว่าด้วยความก้าวหน้าทางทันตกรรมในปัจจุบัน ขั้นตอนนี้ได้รับการออกแบบมาให้ปลอดภัยและไม่สร้างความเจ็บปวดเกินความจำเป็น

  1. ระหว่างการผ่าตัด
    ก่อนการผ่าตัด ทันตแพทย์จะทำการฉีดยาชาเฉพาะที่ เพื่อให้บริเวณที่ทำการฝังรากฟันเทียมชาและไม่รู้สึกเจ็บตลอดกระบวนการ หากคุณรู้สึกกังวลใจมาก ทันตแพทย์อาจเสนอการใช้ยาคลายเครียดหรือยาสลบ (ในกรณีที่เหมาะสม) ซึ่งทำให้การรักษาผ่านไปอย่างราบรื่นและสบายที่สุด
  2. หลังการผ่าตัด
    หลังจากยาชาหมดฤทธิ์ อาจมีอาการปวดหรือบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ผ่าตัด ซึ่งเป็นเรื่องปกติและสามารถจัดการได้ด้วยการรับประทานยาบรรเทาปวดที่ทันตแพทย์แนะนำ อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นภายใน 1-2 วัน และหลายคนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ในเวลาไม่นาน
  3. ความเจ็บปวดแตกต่างกันไปในแต่ละคน
    ความรู้สึกเจ็บระหว่างและหลังการผ่าตัดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สภาพร่างกาย สุขภาพของเหงือกและกระดูก และความชำนาญของทันตแพทย์ หากคุณกังวลเรื่องความเจ็บปวด ควรพูดคุยกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

 

ปัจจัยที่ช่วยลดความกังวลเรื่องความเจ็บปวด

  1. เทคนิคการผ่าตัดที่ทันสมัย
    ในปัจจุบัน คลินิกทันตกรรมหลายแห่งใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การสแกน 3 มิติ เพื่อวางแผนการฝังรากฟันเทียมอย่างแม่นยำและลดระยะเวลาผ่าตัด ทำให้ลดความรู้สึกไม่สบายลงอย่างมาก
  2. การดูแลหลังการรักษา
    การปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เช่น การรับประทานอาหารอ่อนในช่วงแรก การหลีกเลี่ยงการออกแรงในบริเวณที่ผ่าตัด และการดูแลความสะอาดในช่องปาก จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและความเจ็บปวด
  3. การเลือกทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญ
    ทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์และผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทางจะช่วยให้ขั้นตอนการฝังรากฟันเทียมเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งยังช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด

 

รากฟันเทียม เจ็บไหม

 

รากฟันเทียมคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่?

ถึงแม้กระบวนการทำรากฟันเทียมอาจดูซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเครื่องมือทดแทนฟันแบบอื่น ๆ เช่น ฟันปลอมแบบถอดได้ แต่รากฟันเทียมมีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า

  1. ช่วยฟื้นฟูการใช้งานฟันตามธรรมชาติ
    รากฟันเทียมมีความแข็งแรงและเสถียรภาพ ทำให้คุณสามารถเคี้ยวอาหารได้เหมือนฟันธรรมชาติ
  2. ป้องกันการสูญเสียกระดูกขากรรไกร
    การฝังรากฟันเทียมช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกร ลดความเสี่ยงของกระดูกยุบตัวที่มักเกิดขึ้นเมื่อสูญเสียฟันธรรมชาติ
  3. เพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม
    ด้วยรากฟันเทียมที่ออกแบบมาให้เข้ากับรูปหน้าของแต่ละคน คุณจะกลับมายิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจทำรากฟันเทียม

หากคุณกำลังพิจารณาเรื่องรากฟันเทียมและกังวลเรื่องความเจ็บปวด ควรเริ่มต้นด้วยการพูดคุยกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำปรึกษาโดยละเอียด การทำรากฟันเทียมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิดเมื่อคุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ

เปลี่ยนแปลงชีวิตคุณวันนี้ด้วยรากฟันเทียม

หากคุณกำลังมองหาแนวทางแก้ไขปัญหาการสูญเสียฟันอย่างถาวรและปลอดภัย อย่ารอช้า!
ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาฟรีและตรวจประเมินสุขภาพช่องปากเบื้องต้น ทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมดูแลคุณด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและประสบการณ์ยาวนาน ให้คุณมั่นใจในทุกขั้นตอน

โทรเลยวันนี้เพื่อจองคิวปรึกษากับทันตแพทย์
หรือแอดไลน์เพื่อปรึกษาออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

ที่ LINE : @theivorydental ตลอด 24 ชั่วโมง  หรือโทร. 094-968-4294   (10.00-20.00น.)

สุขภาพฟันที่ดีเริ่มต้นได้ด้วยการตัดสินใจที่ถูกต้อง อย่าปล่อยให้ความกังวลเรื่องความเจ็บปวดมาหยุดยั้งคุณจากการมีรอยยิ้มที่มั่นใจและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

รู้จักการ ‘จัดฟันใส’ (Clear Aligner) คืออะไร ทำไมน่าสนใจ?

Create Date | 9 มกราคม, 2024 2559 Views
รู้จักการจัดฟันแบบ Clear Aligner

การจัดฟันแบบ Clear Aligner คืออะไร มีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง

เชื่อไหมว่าเพียงรอยยิ้มเดียวก็สามารถเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อเราได้ เพราะรอยยิ้มส่งผลต่อบุคลิกภาพ ช่วยสร้างสัมพันธภาพที่มีต่อผู้คนได้ แต่การเผยรอยยิ้มอย่างจริงใจอาจไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะทำได้ ด้วยปัญหาสุขภาพช่องปากมากมายที่ส่งผลต่อความมั่นใจ และการจัดฟันเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้ฟันเรียงตัวสวยงามได้ โดยมีหลากหลายประเภทให้เลือกตามความเหมาะสมของผู้จัดฟัน โดยเฉพาะการจัดฟันแบบใส อย่างที่หลายคนเคยได้ยินถึงการจัดฟันแบบ Clear Aligner ด้วย Invisalign ซึ่งวันนี้เราจะพาไปเจาะลึกกันให้ชัดว่าการจัดฟันใสคืออะไร มีกี่แบบ ดีไหม มีข้อเสียอย่างไรบ้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจให้คนที่เริ่มสนใจและพิจารณาการจัดฟันใสไว้เป็นตัวเลือกกัน

Table of Content:

 

การจัดฟันใส (Clear Aligner) คืออะไร

การจัดฟันใส เป็นการจัดฟันแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการจัดฟันแบบถอดได้ โดยใช้เครื่องมือจัดฟันที่ทำจากวัสดุพลาสติกใสมาครอบให้แนบสนิทไปกับตัวฟัน ทำให้มองไม่เห็นเครื่องมือจัดฟัน อีกทั้งยังสามารถถอดออกได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟันและต้องทำงานพบเจอผู้คนเป็นประจำ จึงไม่อยากให้เห็นเหล็กจัดฟัน

 

ข้อดีและข้อจำกัดของการจัดฟันใส

ข้อดีของการจัดฟันใส

  • มองไม่เห็นเครื่องมือจัดฟัน ไม่ทิ้งร่องรอย

เครื่องมือจัดฟัน Clear Aligner ทำจากพลาสติกใส ทำให้มองไม่เห็นจากภายนอก ผู้จัดฟันจึงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่รู้สึกเขินอายเมื่อต้องเข้าสังคม เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องบุคลิกภาพและความสวยงามในระหว่างการจัดฟัน

  • สามารถถอดออกได้

การจัดฟันใสสามารถถอดออกได้อย่างง่ายดาย เมื่อต้องการทานอาหาร แปรงฟัน หรือทำความสะอาดช่องปาก ทำให้ผู้จัดฟันสามารถทานอาหารได้อย่างสะดวกและสวมใส่ได้ทันทีเมื่อทานเสร็จ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องเศษอาหารติดเครื่องมือจัดฟัน

  • ผลลัพธ์รวดเร็ว แม่นยำ

นอกจากความสวยงามและความสะดวกในการใช้ชีวิตแล้ว เหตุผลที่สำคัญที่สุด คือการจัดฟันใสสามารถให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้ในเวลาไม่นาน เนื่องจากเป็นการรักษาโดยใช้หลักการเคลื่อนฟันด้วยแรงดันจากแผ่นยึดพลาสติกใส ร่วมกับการติดตามผลจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้สามารถควบคุมทิศทางการเคลื่อนของฟันได้อย่างแม่นยำ และได้ผลลัพธ์ตามแผนการรักษาที่กำหนดไว้ ซึ่งหากเทียบกับการจัดฟันแบบติดเหล็กทั่วไปแล้ว การจัดฟันใสก็ถือว่าใช้เวลาในการรักษาโดยเฉลี่ยน้อยกว่า เพราะไม่ต้องเสียเวลารอให้ลวดจัดฟันขยาย ทำให้สามารถรักษาฟันให้เรียงตัวได้อย่างสวยงามภายในระยะเวลาที่เหมาะสม

การจัดฟันใสที่สามารถถอดได้ง่าย

ข้อเสีย หรือข้อจำกัดของการจัดฟันใส

  • เหมาะสำหรับปัญหาฟันที่ไม่ซับซ้อนมากนัก

ตามปกติแล้วการจัดฟันใสสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นฟันเกนิดหน่อย หรือปัญหาฟันยื่น ฟันห่างเล็กน้อย แต่หากปัญหาฟันเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น กรณีที่มีฟันซ้อนมาก หรือฟันล้ม อาจต้องใช้การจัดฟันแบบติดเครื่องมือ เพราะมีประสิทธิภาพในการเคลื่อนฟันได้มากกว่า

  • อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันแบบดั้งเดิม

แน่นอนว่าการจัดฟันแบบใสมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันดั้งเดิม เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและต้องใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการจัดฟันใสอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความซับซ้อนของแผนการรักษา รวมถึงผู้ให้บริการจัดฟัน

 

ไขข้อสงสัย Clear Aligner และ Invisalign คืออะไร

โดยทั่วไป เมื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการจัดฟันใส มักจะมีข้อมูลของ Invisalign ตามมา จนหลายคนคิดไปว่า Invisalign เป็นรูปแบบของการจัดฟันใส แต่แท้จริงแล้ว Invisalign คือแบรนด์ที่มีเทคโนโลยีเฉพาะในการจัดฟันใส Clear Aligner ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจนถูกเรียกติดปาก กลายมาเป็นอีกชื่อเรียกของการจัดฟันใสไปเสียแล้ว ซึ่งนอกจาก Invisalign แล้วการจัดฟันใสยังมีทางเลือกอีกมากมายที่อาจจะมีราคาถูกกว่าในประสิทธิภาพมาตรฐานอย่าง Kase Aligner

รู้จักเครื่องมือจัดฟันแบบใส Kase Aligner

เครื่องมือจัดฟันใส Kase Aligner เป็นนวัตกรรมที่ผสมผสานระหว่างการใช้ ‘ศิลปะ’ ด้วยการใช้เทคนิคเพื่อสร้างรอยยิ้มสวย มาผสานเข้ากับ ‘เทคโนโลยี’ ทางทันตกรรมที่นำเข้ามาจากอเมริกา เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติ ด้วยแผนการรักษาที่ผ่านการออกแบบและดูแลทุกขั้นตอนจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงอย่างแม่นยำ ภายใต้การใช้เครื่องสแกนฟันดิจิทัล 3 มิติ ในการวิเคราะห์ปัญหาของโครงสร้างฟันที่มีความละเอียดสูง พร้อมแสดงผลลัพธ์ที่สำเร็จได้ตั้งแต่ก่อนจัดฟัน เพื่อให้ได้รอยยิ้มที่สวยงาม สมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์ความมั่นใจ ในราคาไม่แพง

หมดปัญหาเลือกไม่ถูก ไม่รู้ควรจัดฟันใสแบบไหนให้เหมาะสม เพราะที่คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่ ห้วยขวาง รัชดา ให้บริการทำฟันครบวงจร พร้อมกับทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมมากกว่า 30 ท่าน มากด้วยประสบการณ์ด้านทันตกรรมที่คุณสามารถวางใจได้ ที่พร้อมให้คำแนะนำเพื่อสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีที่สุด สามารถติดต่อสอบถามและนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ LINE @theivorydental (มี @ ด้วย) หรือ โทร. 02-275-3599 , 094-968-4294 เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. All about clear aligners. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 จาก
    https://orthodonticsaustralia.org.au/all-about-clear-aligners/

 

ข้อดีของรากฟันเทียม

Create Date | 16 มิถุนายน, 2023 1800 Views
The-Ivory-Dental_คลินิกทันตกรรม-ดิไอวรี่_ข้อดีของรากฟันเทียม-1

ทำไมรากฟันเทียมจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการทดแทนฟัน

รากฟันเทียมเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการทดแทนฟันที่สูญเสียไป รากฟันเทียมจะถูกฝังเข้าไปในกระดูกขากรรไกรโดยการผ่าตัดและทำหน้าที่แทนรากฟันที่สูญเสียไป รากฟันเทียมมีข้อดีหลายประการเหนือตัวเลือกการทดแทนฟันอื่นๆ เช่น ฟันปลอมและสะพานฟัน ในบทความนี้ เราจะมาดูข้อดีของรากฟันเทียมว่ามีอะไรบ้าง

1.สีเหมือนฟันธรรมชาติ

รากฟันเทียมได้รับการออกแบบมาให้มีลักษณะและการทำงานเหมือนฟันธรรมชาติ ครอบฟันบนรากฟันเทียมผลิตขึ้นโดยเฉพาะเพื่อให้เข้ากับสีและรูปร่างของฟันที่มีอยู่ ทำให้ได้ฟันที่มีความสวยงาม รากฟันเทียมยังคืนความสามารถในการเคี้ยวอาหารและพูดให้ชัดขึ้น ซึ่งทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

2.แก้ปัญหาสูญเสียฟันถาวร

รากฟันเทียมเป็นวิธีแก้ปัญหาฟันที่สูญเสียไปอย่างถาวร รากฟันเทียมผลิตจากวัสดุที่ทนทาน เช่น ไททาเนียมและพอร์ซเลน ซึ่งออกแบบมาให้ใช้งานได้นานหลายสิบปี หากดูแลและบำรุงรักษาได้ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ รากฟันเทียมสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต

3.สุขภาพช่องปากดีขึ้น

รากฟันเทียมช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกและรักษาฟันที่อยู่รอบๆ เมื่อฟันหายไป กระดูกรอบๆ จะเริ่มเสื่อมลงเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งสามารถนำไปสู่การสูญเสียฟันและปัญหาทางทันตกรรมอื่น ๆ รากฟันเทียมกระตุ้นกระดูก ซึ่งช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกและรักษาฟันที่อยู่รอบๆ

The-Ivory-Dental_คลินิกทันตกรรม-ดิไอวรี่_ข้อดีของรากฟันเทียม-2

4.ความสะดวกสบาย

รากฟันเทียมเป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับการทดแทนฟัน ซึ่งแตกต่างจากฟันปลอมที่ต้องถอดและทำความสะอาดเป็นประจำ รากฟันเทียมจะติดอยู่กับกระดูกขากรรไกรอย่างถาวร ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเคี้ยวอาหาร พูด และทำกิจวัตรประจำวันได้โดยไม่ต้องกังวลเหมือนฟันปลอมที่มีโอกาสหลุด

5.ความมั่นใจเวลายิ้มหรือพูด

รากฟันเทียมสามารถปรับปรุงความมั่นใจขณะยิ้มหรือพูด เนื่องจากเป็นฟันทดแทนที่เหมือนฟันธรรมชาติ จึงทำให้คุณรู้สึกสบายใจมากขึ้นในสถานการณ์ต่างๆ ด้วยรากฟันเทียม คุณสามารถยิ้ม หัวเราะ และพูดได้อย่างมั่นใจ

โดยสรุปแล้ว รากฟันเทียม มีข้อดีหลายประการที่เหนือกว่าทางเลือกอื่นๆ ในการทดแทนฟัน เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ใช้งานได้ยาวนาน สะดวก และสวยงาม ซึ่งสามารถปรับปรุงสุขภาพช่องปากและคุณภาพชีวิตโดยรวมของคุณ หากคุณกำลังพิจารณาการทำรากฟันเทียม สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับทันตแพทย์เฉพาะทางเพื่อพิจารณาว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่

ปรึกษารากฟันเทียมกับทันตแพทย์เฉพาะทาง
ที่ LINE : @theivorydental
โทร. 094-968-4294
(10.00-20.00น.)

รากฟันเทียมคืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร

Create Date | 16 มีนาคม, 2023 2029 Views
The-Ivory-Dental_คลินิกทันตกรรม-ดิไอวรี่_รากฟันเทียมคืออะไร-มีขั้นตอนรักษาอย่างไร

รากฟันเทียมคืออะไร? การทำรากฟันเทียมเป็นวิธีการแทนที่ฟันที่สูญเสียไป ด้วยรากฟันเทียมที่มีความแข็งแรงเสมือนฟันธรรมชาติ  ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมมีหลายขั้นตอน  หลังทำรากฟันเทียมจำเป็นที่ต้องดูแลรักษาสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธี

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมมีดังนี้

    1. การวินิจฉัยและวางแผน: ทันตแพทย์จะทำการตรวจสอบสุขภาพช่องปากและฟันของคนไข้ รวมถึงการวิเคราะห์ภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์ และ CT Scan เพื่อวางแผนการรากฟันเทียมให้เหมาะสมที่สุด
    2. การเตรียมตัว: ทันตแพทย์จะทำการเคลียร์ช่องปาก ขูดหินปูน และถอนฟันในซี่ที่จำเป็น
    3. การฝังรากฟันเทียม: ทันตแพทย์จะทำการฝังรากฟันเทียมที่มีลักษณะคล้ายสกรู ลงไปในกระดูกขากรรไกรของคนไข้
    4. ช่วงรอพักฟื้น: ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลานานจาก 3-6 เดือน เพื่อให้กระดูกขากรรไกรกับรากฟันเทียมประสานกันได้อย่างมั่นคง
    5. การใส่ครอบฟัน: เมื่อรากฟันเทียมได้ประสานกับกระดูกขากรรไกรแล้ว ทันตแพทย์ จะทำการใส่ครอบฟันเทียมลงบนรากฟันเทียม ซึ่งจะถูกปรับให้เข้ากันอย่างถูกต้องกับฟันของคนไข้

การติดตามและดูแลรักษา: หลังจากการทำรากฟันเทียมเสร็จสิ้น คนไข้ควรมาพบทันตแพทย์ตามนัดติดตามอาการ และดูแลรักษาตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เช่น การเข้าพบทันตแพทย์เพื่อทำความสะอาดฟัน ตรวจดูสภาพรากฟันเทียม และตรวจหรือซ่อมแซมครอบฟันหากจำเป็น

สำหรับการดูแลรากฟันเทียมหลังจากการผ่าตัด คนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  1. หากมีอาการปวด: ทันตแพทย์อาจจะให้ยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบเพื่อลดอาการปวดหลังการผ่าตัด
  2. รักษาความสะอาด: ควรบ้วนปากอย่างสม่ำเสมอ ด้วยน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และใช้แปรงฟันที่มีขนแปรงนุ่ม ๆ เพื่อป้องกันการเกิดแผล
  3. รับประทานอาหารอ่อนหรือเคี้ยวง่าย: ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งและมีลักษณะที่ยากในการเคี้ยว เพื่อป้องกันการเป็นแผลในช่วงการรักษา
  4. การทำรากฟันเทียมเป็นการแก้ไขปัญหาฟันสูญเสียที่เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม แต่การดูแลรักษารากฟันเทียมหลังจากการผ่าตัด เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การดูแลอย่างถูกต้องจะช่วยให้รากฟันเทียมมีอายุการใช้งานที่ยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
  5. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้ประสิทธิภาพของรากฟันเทียมลดลง ทำให้การรักษาล้มเหลว
  6. มีการเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คเป็นระยะ : ควรเข้าพบทันตแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจเช็ครากฟันเทียม และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
  7. แปรงฟันอย่างถูกต้อง: ควรเรียนรู้และปฏิบัติตามเทคนิคการแปรงฟันที่ถูกต้องเพื่อทำความสะอาดรากฟันเทียม และช่องปากของคนไข้อย่างเหมาะสม

การทำรากฟันเทียมนั้นเป็นการรักษาที่สามารถช่วยให้คนไข้มีฟันที่เคี้ยวอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความสุขในชีวิตคนไข้ อย่างไรก็ตาม ควรให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลและปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์เพื่อให้การทำรากฟันเทียมประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

ปรึกษารากฟันเทียมกับทันตแพทย์เฉพาะทาง ได้ที่ LINE : @theivorydental  หรือโทร. 094-968-4294 (10.00-20.00น.)

 

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม มีอะไรบ้าง?

Create Date | 18 ธันวาคม, 2020 12376 Views
ขั้นตอนการทำ-รากฟันเทียม-คลินิกทันตกรรม-ดิไอวรี่

การทำรากฟันเทียมคืออะไร?

การทำรากฟันเทียม หรือรากเทียม คือการรักษาเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป โดยเป็นการทำรากฟันเทียมซึ่งทำจากวัสดุไทเทเนียม ซึ่งมีลักษณะรูปร่างคล้ายสกรู ลงไปในขากรรไกร เพื่อยึดสะพานฟัน ครอบฟัน หรือฟันปลอมถอดได้ทั้งปาก โดยจะใช้เวลารักษาทั้งหมดประมาณ 3-6 เดือน โดยระยะเวลาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณและคุณภาพของกระดูกขากรรไกร จำนวนฟันที่ต้องทำรากฟันเทียม เป็นต้น

การเตรียมตัวก่อนการทำรากฟันเทียม ?

เมื่อทันตแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าคนไข้จำเป็นต้องทำรากฟันเทียม ก็จำเป็นต้องเตรียมตัวก่อนการทำรากฟันเทียม ได้แก่

  • พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก
  • รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หากมีโรคประจำตัวและมียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำก็ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษา ซึ่งหากเป็นโรคประจำตัวที่สามารถควบคุมได้ก็สามารถทำรากฟันเทียมได้

 

การทำรากฟันเทียม มีขั้นตอนอะไรบ้าง?

  1. ทันตแพทย์จะตรวจสภาพช่องปากและเตรียมสภาพช่องปากให้เรียบร้อย
  2. ถ่ายภาพ X-Ray และ CT Scan และ พิมพ์ปากเพื่อวางแผนการรักษา
  3. ทันตแพทย์ทำการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมในตำแหน่งที่เหมาะสม ในบางกรณีอาจมีการเสริมกระดูกก่อน
  4. รอให้กระดูกยึดกับรากฟันเทียมซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณและคุณภาพกระดูกของคนไข้
  5. เมื่อกระดูกยึดกับรากฟันเทียมดีแล้ว ทันตแพทย์จะพิมพ์ปากเพื่อทำสะพานฟัน ครอบฟัน หรือฟันปลอม
  6. ทำการใส่เดือยฟันเพื่อรองรับสะพานฟัน ครอบฟัน หรือฟันปลอม
  7. ทำการใส่ สะพานฟัน ครอบฟัน หรือฟันปลอม
  8. นัดคนไข้เพื่อติดตามอาการ
  9.  

การดูแลหลังทำรากฟันเทียม ?

  • แปรงฟันให้สะอาดและถูกต้อง
  • ใช้ไหมขัดฟันทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการกัดหรือเคี้ยวของแข็ง
  • พบทันตแพทย์ตามกำหนดเวลา ทุก 6 เดือน

 

ข้อดีของการทำรากฟันเทียม ?

  1. สร้างความมั่นใจทุกครั้งที่ยิ้ม หรือพูดคุย
  2. เคี้ยวอาหารได้เหมือนการใช้ฟันธรรมชาติ
  3. ทำความสะอาดง่าย แค่ใช้การแปรงฟัน
  4. สุขภาพและคุณภาพชีวิตดีขึ้น
  5. อายุการใช้งานยาวนานขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของคนไข้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่ ศูนย์ทันตกรรมรากฟันเทียมครบวงจร ที่ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ISO 9001:2015 ให้บริการรักษารากฟันเทียมด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย โดยทีมอาจารย์ทันตแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญ ระดับแนวหน้า พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย และห้องทันตกรรมที่สะอาด ปลอดเชื้อ



สอบถามหรือนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่ คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่

โทร. 02-275-3599 ได้ทุกวัน (ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.) หรือสามารถติดต่อได้ทาง LINE: @theivorydental

(เพิ่มเติม…)

ถ้าฟันหายหลายซี่ จำเป็นต้องฝังรากฟันเทียมทุกซี่หรือไม่?

Create Date | 21 ตุลาคม, 2020 10471 Views
ถ้าฟันหายหลายซี่-จำเป็นต้องฝัง-รากฟันเทียม-ทุกซี่หรือไม่-คลินิกทันตกรรม-ดิไอวรี่

ถ้าฟันหายหลายซี่ จำเป็นต้องฝังรากฟันเทียมทุกซี่หรือไม่ ?

เนื่องจากการทำรากฟันเทียมทดแทนฟันหลายซี่นั้น คนไข้มักเข้าใจผิดว่าจำเป็นจะต้องฝังจำนวนรากฟันเทียมในปริมาณเท่าๆกับฟันที่หายไป ซึ่งการทำรากฟันเทียมประเภทนี้นั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไปเพราะในบางกรณีอาจใช้รากฟันเทียมแค่สองตัว และทำสะพานฟันบนรากฟันเทียม 3 – 4 ซี่ได้โดยไม่มีผลต่ออายุการใช้งาน ความสวยงาม และการบดเคี้ยวแต่อย่างใด ข้อดีที่คนไข้ได้รับคือได้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากและลดอาการเจ็บหลังจากการรักษาได้

สะพานฟันบนรากเทียมคืออะไร ?

สะพานฟันเป็นการทำฟันปลอมชนิดติดแน่นรูปแบบหนึ่ง ซึ่งสะพานฟันบนรากเทียมคือการใส่ตัวฟัน 3-4 ซี่บนรากฟันเทียม 2 ตัว ดังรูปด้านบน การทำสะพานฟันบนรากเทียมจะทำในกรณีที่สูญเสียฟันหรือฟันถูกถอนไปในบริเวณติดๆกัน3-4ซี่ โดยสะพานฟันนี้ก็จะยึดอยู่บนรากเทียมที่ฝังไว้

ข้อดีของการทำสะพานฟันบนรากฟันเทียม ?

    • ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการทำรากฟันเทียมทุกซี่
    • คนไข้เจ็บแผลน้อยกว่าการฝังรากเทียมทุกๆซี่
    • มีความแข็งแรง สามารถบดเคี้ยวได้เป็นธรรมชาติ
    • ง่ายต่อการดูแลทำความสะอาด
  • ได้ฟันทดแทนที่ดูเป็นธรรมชาติ

ถ้าสูญเสียฟันทั้งปากจะทำรากฟันเทียมได้หรือไม่?

ในกรณีที่คนไข้สูญเสียฟันทั้งปาก สามารถรักษาได้โดยการทำรากฟันเทียมทั้งปาก (All on 4 ) ซึ่งเป็นการใช้เทคนิคการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียมลงไปในกระดูกขากรรไกรจำนวน 4 ตัว หรือ 6 ตัว เพื่อรองรับฟันปลอมแบบติดแน่นโดยใช้สกรูยึดแผงฟันปลอมไว้กับรากฟันเทียม ซึ่งจะมีความแข็งแรง และสามารถทำความสะอาดโดยการแปรงฟันได้เหมือนฟันธรรมชาติ การรักษาวิธีทำรากฟันเทียมทั้งปาก (All on 4 ) นี้เหมาะกับคนไข้ที่สูญเสียฟันทั้งปากทั้งแบบที่ยังมีกระดูกรองรับฟัน และไม่มีกระดูกรองรับฟัน

ทั้งนี้ในการรักษาโดยการทำรากฟันเทียมนั้น คนไข้ควรที่จะพบทันตแพทย์ก่อนเพื่อตรวจวินิจฉัยและประเมินก่อนว่าคนไข้เหมาะกับการทำรากฟันเทียมหรือไม่ และเหมาะกับการทำรากฟันเทียมแบบใด

คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่ ศูนย์ทันตกรรมรากฟันเทียมครบวงจร ที่ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ISO 9001:2015 ให้บริการรักษารากฟันเทียมด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย โดยทีมอาจารย์ทันตแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญ ระดับแนวหน้า พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย และห้องทันตกรรมที่สะอาด ปลอดเชื้อ



สอบถามหรือนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่ คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่

โทร. 02-275-3599 ได้ทุกวัน (ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.) หรือสามารถติดต่อได้ทาง LINE: @theivorydental  

(เพิ่มเติม…)

มีโรคประจำตัวสามารถทำรากฟันเทียมได้หรือไม่?

Create Date | 7 กันยายน, 2020 4651 Views
มีโรคประจำตัว-ทำรากเทียมได้หรือไม่-คลินิกทันตกรรม-ดิไอวรี่

 

มีโรคประจำตัวสามารถทำรากฟันเทียมได้หรือไม่?

การฝังรากฟันเทียม เป็นการรักษาทางทันตกรรม สำหรับผู้ที่มีปัญหาการสูญเสียฟันธรรมชาติไปและต้องการจะมีฟันที่มาทดแทนเหมือนฟันธรรมชาติ โดยไม่ต้องการใส่ฟันปลอม แต่การรักษาด้วยวิธีทำรากฟันเทียมนั้น อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางโรค เนื่องจากบางโรคอาจจะทำให้ผลการรักษาไม่ประสบความสำเร็จ เพราะผลข้างเคียงของโรคนั้น ซึ่งโรคประจำตัวที่มีผลกับการรักษารากฟันเทียมได้แก่ โรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ โรคมะเร็งบริเวณศีรษะถึงคอ และโรคกระดูกพรุน

โรคเบาหวาน-คลินิกทันตกรรม-ดิไอวรี่

ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดไหนที่ไม่ควรทำรากฟันเทียม

สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่รุนแรงไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการรักษาด้วยการทำรากฟันเทียมนั้น เนื่องจากผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดนี้ จะมีน้ำตาลในเลือดที่ค่อนข้างสูง ซึ่งจะส่งผลให้บาดแผลหายช้า ซึ่งการทำรากฟันเทียมนั้น จะต้องมีการผ่าตัด ซึ่งจะมีบาดแผลจะอยู่ภายในช่องปาก หากไม่ได้รับการดูแลอย่างดี จะเสี่ยงต่อการอักเสบและการติดเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่รุนแรงไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งมีความเสี่ยงมากที่สุด

ทำไมผู้ป่วยโรคมะเร็งบริเวณศีรษะและคอจึงไม่ควรทำรากฟันเทียม

ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งที่ต้องเข้ารับการฉายแสงโดยเฉพาะบริเวณศีรษะถึงคอ เป็นกลุ่มที่ไม่เหมาะสมที่จะเข้ารับการทำรากฟันเทียม เนื่องจากผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งที่ต้องเข้ารับการฉายแสงบริเวณใบหน้า จะทำให้เกิดภาวะปวดแสบปวดร้อนของลิ้นและกระพุ้งแก้ม และที่สำคัญคือกระดูกบริเวณที่ได้รับรังสีจะเกิดภาวะเซลล์กระดูกน้อย ทำให้กระดูกตายได้ง่าย ไม่เหมาะที่จะทำรากฟันเทียมอย่างยิ่ง เพราะอาจจะส่งผลอันตรายแก่ผู้ป่วยได้

กระดูกพรุน-คลินิกทันตกรรม-ดิไอวรี่

ทำไมผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนจึงไม่ควรทำรากฟันเทียม

กลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุนไม่เหมาะที่จะเข้ารับการรักษาด้วยการทำรากฟันเทียม เพราะผู้ป่วยกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่มีกระดูกไม่แข็งแรง กระดูกมีความเปราะบาง ซึ่งการทำรากฟันเทียมนั้น จะต้องฝังรากฟันเทียมบนกระดูกขากรรไกร ซึ่งอาจจะทำให้กระดูกบริเวณนั้นเกิดอาการเปราะ แตกหัก และทำให้รากฟันเทียมหลุดออกมาได้ หากผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุนเข้ารับการรักษาทำรากฟันเทียม ก็มีอัตราสูงที่จะทำให้การรักษาเกิดความล้มเหลวสูงได้

ดังนั้นก่อนเข้ารับการรักษาด้วยการทำรากฟันเทียม ควรเข้ามาปรึกษาทันตแพทย์และควรบอกข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและข้อมูลโรคประจำตัวอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยและผลการรักษาที่ประสบความสำเร็จ


ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่  ได้ที่เบอร์ 02-275-3599 ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. หรือสามารถติดต่อได้ทาง LINE: @theivorydental  

การทำรากฟันเทียมเหมาะกับใคร

Create Date | 27 กรกฎาคม, 2020 5133 Views
รากฟันเทียม-เหมาะกับใคร-คลินิกทันตกรรม-ดิไอวรี่

ใครบ้างที่เหมาะกับการทำรากฟันเทียม

การทำรากฟันเทียมนั้นอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน ดังนั้นอันดับแรกผู้ที่สูญเสียฟัน ต้องทำคือมาพบทันตแพทย์ก่อนเพื่อวินิจฉัยว่าสามารถทำรากฟันเทียมได้หรือไม่ ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ที่เหมาะกับการทำรากฟันเทียม ได้แก่

  • ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากหากอายุต่ำกว่า18 ปี กระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่
  • ผู้ที่ฟันแตกหักหรือฟันบิ่น โดยที่ทันตแพทย์แนะนำว่าควรถอนฟันซี่นั้นออก ก็สามารถทำรากฟันเทียมทดแทนฟันที่สูญเสียไป
  • ผู้ที่ไม่ต้องการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้
  • ผู้ที่ไม่ต้องการกรอฟันเพื่อทำสะพานฟันติดแน่น

ใครบ้างที่ไม่ควรทำรากฟันเทียม

  • ผู้ที่อายุยังไม่ถึง 18 ปี เนื่องจาก กระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่
  • หญิงตั้งครรภ์ ควรรอให้คลอดบุตรก่อนจึงสามารถทำรากฟันเทียมได้
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่างที่ไม่ได้รับการควบคุม เช่น โรคเบาหวาน ซึ่งเสี่ยงต่อการที่บาดแผลหายช้า อักเสบ และติดเชื้อได้
  • ผู้ที่เป็นมะเร็ง ที่ต้องได้รับการฉายแสงบริเวณใบหน้าและขากรรไกร
  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุน หรือมีภาวะกระดูกไม่แข็งแรง
  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบรุนแรง ควรได้รับการรักษาเพิ่มเติมก่อนทำรากฟันเทียม
  • ผู้ป่วยที่เป็นลูคีเมีย ผู้ป่วยไฮเปอร์ไทรอยด์ และผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
  • ผู้ป่วยจิตเภท หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ และไม่สามารถดูแลรักษาสุขภาพช่องปากเองได้

ดังนั้นผู้ที่สูญเสียฟันและต้องการทำรากฟันเทียมจึงควรประเมินตนเองก่อนว่ามีปัจจัยเสี่ยงตามข้างต้นหรือไม่ หรือหากไม่แน่ใจสามารถพบทันตแพทย์เพื่อวินิจฉัยโดยละเอียดก่อนตัดสินใจทำรากฟันเทียม

หลังจากทันตแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าคนไข้สามารถทำรากฟันเทียได้ ก็มาถึงขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการใส่รากฟันเทียม โดยในผู้ที่มีร่างกายเเข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ เเต่ในกรณีที่มีโรคประจำตัว มียาที่จำเป็นต้องรับประทานเป็นประจำ หรือมีประวัติการแพ้ยา ต้องแจ้งต่อทันตแพทย์ก่อนการฝังรากเทียม หลังจากการตรวจประเมินอย่างละเอียดโดยทันตแพทย์แล้ว จะมีการถ่ายภาพเอกซเรย์ทันตกรรม 3 มิติ (Dental CT Scan) เพื่อการวางแผนการรักษาทำรากเทียมที่ถูกต้องและแม่นยำ


ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่  ได้ที่เบอร์ 02-275-3599 ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.
หรือสามารถติดต่อได้ทาง LINE: @theivorydental

ทำรากฟันเทียม ดีหรือไม่?

Create Date | 8 มกราคม, 2020 2243 Views

รากฟันเทียมเป็นวัสดุรูปร่างคล้ายรากฟัน และใส่เข้าไปในกระดูกขากรรไกรเพื่อทดแทนรากฟันที่หายไป โดยทั่วไปวัสดุที่นำมาทำคือ “ไทเทเนียม” ซึ่งเป็นวัสดุที่เข้ากับร่างกายเป็นอย่างดี โดยไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย

เมื่อผู้ป่วยมีรากฟันเทียมอยู่ในช่องปากแล้ว มักจะเกิดข้อสงสัยว่ารากฟันเทียมมีการหมดอายุการใช้งานหรือไม่ และจะใช้เคี้ยวอาหารได้หรือไม่?

จริงๆ แล้ว รากฟันเทียมก็เสมือนกับฟันของเราที่ไม่มีอายุการใช้งาน มันควรจะอยู่กับเราได้ตลอดชีวิต ถ้าเราดูแลสุขภาพช่องปากได้อย่างถูกต้อง รากฟันเทียมสามารถใช้งานได้เหมือนกับฟันธรรมชาติ และไม่มีข้อห้ามในการใช้งานที่แตกต่างไปจากฟันธรรมชาติ และสามารถใช้เคี้ยวอาหารได้ทุกชนิด

อย่างไรก็ตาม รากฟันเทียมไม่ได้เหมาะกับผู้ป่วยทุกคนที่สูญเสียฟันธรรมชาติ ทันตแพทย์จะทำการวิเคราะห์ว่าท่านเหมาะสมกับการใส่รากฟันเทียมหรือไม่? ด้วยการซักประวัติ ตรวจในช่องปาก พิมพ์ปากเพื่อนำมาทำแบบจำลองฟัน และเอกซเรย์เพื่อดูปริมาณกระดูกว่าเหมาะสมหรือไม่

ปัจจัยที่ทำให้ผู้ป่วยไม่เหมาะกับการใส่รากฟันเทียมแบ่งออกเป็น ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคประจำตัว และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับปริมาณและคุณภาพของกระดูก บริเวณที่จะใส่รากฟันเทียม เช่น ผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ หรือเบาหวานที่ไม่ได้รับการควบคุมระดับน้ำตาลที่ดีพอ หรือมีกระดูกที่แคบ หรือเตี้ย จนไม่สามารถทำการบูรณะให้เหมาะสมก่อนการใส่

รากฟันเทียมได้ ก็จะไม่เหมาะสมกับการใส่รากฟันเทียม ซึ่งทันแพทย์ก็จะให้คำแนะนำในการใส่ฟันปลอมชนิดอื่น

โดยสรุป รากฟันเทียมเป็นทางเลือกที่ดี ถ้าผู้ป่วยมีสภาวะหรือข้อบ่งชี้ที่เหมาะสม

ข้อมูล: หนังสือ ครบเครื่องเรื่อง ฟัน FUN

6 ข้อดี ของการทำรากฟันเทียม

Create Date | 26 ธันวาคม, 2019 5964 Views

“การที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ช่วยให้คุณภาพดีขึ้น” คนที่ฟันหลุด ไปแล้วจะเข้าใจความหมายนี้ดีค่ะ เพราะ ไม่ใช่แค่บุคลิคภาพของเรา แต่ยังรวมไปถึงการรัปทานอาหาร เพื่อสุขภาพ การพูด ตลอดจนการเข้าสังคม แต่ถ้าหาก สุดวิสัยและ จำเป็นต้องถอนฟันออก หรือ ฟันหลุดไม่ว่าจะกรณีใดๆ การทำรากเทียมก็เป็นอีก ทางเลือกในการ ทดแทนฟันที่หายไป ค่ะ วันนี้เรามาพูดถึงข้อดีข้อเสีย ในการทำรากฟันเทียมกันค่ะ ในความคิดส่วนตัวแล้ว แอดมินคิดว่า การทำรากเทียม ไม่ได้เจ็บและน่ากลัวเท่ากับการถอดฟันค่ะ 

ข้อดี ของการทำรากเทียม

  • ฟันไม่หลอ
  • มั่นใจ
  • ให้ประสิทธิภาพการเคี้ยวเท่าเทียมฟันจริง
  • ไม่ต้องยุ่งกับฟันข้างเคียง
  • ไม่เกิดผุซ้ำ เพราะไม่มีฟันให้ผุอีกตรงที่ทำ
  • ไม่ต้องรอคิวนาน ตัดสินใจแล้วทำที่ดิไอวรี่คลินิกได้ทันทีเลยค่ะ

ข้อเสีย ของการทำรากเทียม

  • ราคาแพง ถ้าทำหลายๆตำแหน่ง เหมือนอมรถไว้ในปากคันหนึ่ง
  • มีโรคทางระบบมารุมเร้า  เช่น เบาหวาน เป็นต้น อาจมีภาวะเสี่ยง กระดูกเน่า
  • ถ้าล้มเหลว การแก้ไข ทำได้ลำบาก เพราะเป็นหัตการ ฝังแท่นเข้าถึงกระดูก แต่เกิดขึ้นน้อย
  • กระดูกที่รองรับต้องมั่นคง  ตำแหน่งที่ฝัง ต้องปลอดภัยต่อ เส้นเลือดแดงและเส้นประสาทที่ทอดขนานอยู่ รวมทั้ง โพรงของไซนัสด้วย
  • ราคาที่ค่อนข้างสูง
รู้หรือไม่คะการทำรากฟันเทียม ทดแทนฟันที่หลุดหายไป ไม่น่ากลัวเท่าที่คิดนะคะ

สำหรับผู้ที่ กำลังจะใส่ ฟันปลอม หรือผู้ที่กำลังจะเปลี่ยนฟันปลอม  ไม่มีอะไรดีไปหมด ไม่มีอะไรเลวร้ายไปหมด  บางรายหนึ่งอาจเหมาะกับอย่างหนึ่ง แต่ไม่เหมาะกับอีกอย่างค่ะไม่อาจ นำเอาข้อมูลคนหนึ่งมาวัดเข้ากับตนเอง ทุกคนมีปัจจัย ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ดังนั้นค่อยๆพิจารณา และนำข้อมูลเหล่านี้ ปรึกษาหารือ กับทันตแพทย์ที่เราไปพบ อย่างน้อยเราก็พอมีความรู้ ข้อมูลเกี่ยวกับ ฟันปลอมพอสมควร ที่จะใช้ซักถาม เพื่อหาสิ่งที่คิดว่าใช่ที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม แอดมินอยากขอให้รักษา ฟันตนเองไว้ให้ดีที่สุดค่ะ อย่าต้องพึ่งพา ของปลอม มีปัญหา รีบแก้ไขแต่เนิ่นๆ อย่ากลัว การทำฟันทุกครั้ง ไม่ได้น่ากลัวหรือย่ำแย่ทุกครั้งไปพบทันตแพทย์ช่วยตรวจฟันบ่อยๆนะคะ แต่จริงๆแล้ว คนที่ยิ่งกลัวหมอฟัน เวลา มีปัญหาทุกครั้ง มักสร้างความเจ็บปวด มีแต่คนที่ไม่กลัว หาหมอบ่อยๆ มักเป็นงานง่ายๆ ราคาเบาๆ ไม่เจ็บปวดค่ะ

รู้อย่างนี้อย่ากลัว หมอฟันอีกต่อไปนะคะ