บริการทันตกรรม

บริการทันตกรรม รากฟันเทียมคืออะไร

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม

รากฟันเทียมที่ทดแทนรากฟันจริง ผลิตจากวัสดุไทเทเนียม ซึ่งใช้ทางการแพทย์โดยทั่วไปที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อใช้ยึดติดกับกระดูกขากรรไกรของคนไข้ในตำแหน่งที่สูญเสียฟันและรากธรรมชาติไป โดยทำหน้าที่ทดแทนรากฟันธรรมชาติเพื่อรองรับทันตกรรมฟันปลอม (denture), ครอบฟัน (crown) หรือสะพานฟัน (bridge) ให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด

รากฟันเทียม ประกอบด้วย

  1. Fixture คือ ส่วนที่ฝังอยู่ใต้เหงือก อยู่ในกระดูกขากรรไกร ทำหน้าที่แทนรากฟันธรรมชาติ
  2. Abutment คือ ส่วนที่ทดแทนโครงสร้างของแกนฟัน เพื่อรองรับตัวครอบฟัน 3.
  3. Crown คือ ส่วนของตัวฟัน ทำมาจากเซรามิก ลอกเลียนสีและรูปร่างของฟันธรรมชาติ

ประเภทของการฝังรากเทียม

  1. การปลูกรากฟันเทียมแบบทันที : เป็นวิธีการที่สามารถปลูกรากฟันเทียมได้ทันที ภายหลังการถอนฟัน
  2. การปลูกรากฟันเทียมแบบพร้อมครอบฟันทันที : เป็นการปลูกรากฟันเทียม ที่ทันตแพทย์จะทำการยึดครอบฟันปลอม หรือสะพานฟัน ทั้งแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ผู้รักษา) ทันทีหลังได้รับการปลูกรากฟันเทียม
  3. การปลูกรากฟันเทียมแบบทั่วไป : การปลูกรากฟันเทียมแบบนี้ เป็นวิธีการที่นิยมใช้โดยทั่วไป

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม

  1. X-Ray ฟันเพื่อประเมินสภาพของบริเวณที่จะฝังรากฟันเทียม เช่น ความหนาของเหงือก ความสูงของกระดูกขากรรไกร สภาพของฟันซี่ข้างเคียงเป็นต้น เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษา เช่น การกำหนดขนาดและความยาวของตัวรากเทียม
  2. ผ่าตัดฝังตัวรากเทียม (Fixture) ลงไปในกระดูก เย็บแผล หลังจากนั้น 7 วันกลับมาเช็คสภาพแผล และตัดไหม ต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ต้องรอให้ตัวรากเทียม ยึดติดกับกระดูกขากรรไกรให้สมบูรณ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดและคุณสมบัติของรากเทียมที่ใช้งาน ซึ่งตามปกติจะมีคำแนะนำจากบริษัทผู้ผลิตว่า หลังจากปลูกตัวรากเทียมไปแล้วต้องทิ้งช่วงระยะเวลาที่ตัวรากเทียมจะยึดติดกับกระดูกขากรรไกรนานมากน้อยเท่าใด จึงจะสามารถใส่ตัวฟันได้
  3. ใส่แกนฟันจำลอง (coping) และพิมพ์ปากเพื่อส่งแลปทำตัวครอบฟัน แลปใช้เวลาทำประมาณ 5-7 วัน
  4. ใส่แกนฟันตัวจริง (abutment) และใส่ครอบฟันตัวจริง ปรับการสบฟันให้สามารถกัดสบได้เป็นปกติ
  5. นัดเช็คทุกๆ 6 เดือน หรือตามดุลยพินิจของทันตแพทย์

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม

รากฟันเทียมที่ทดแทนรากฟันจริง ผลิตจากวัสดุไทเทเนียม ซึ่งใช้ทางการแพทย์โดยทั่วไปที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อใช้ยึดติดกับกระดูกขากรรไกรของคนไข้ในตำแหน่งที่สูญเสียฟันและรากธรรมชาติไป โดยทำหน้าที่ทดแทนรากฟันธรรมชาติเพื่อรองรับทันตกรรมฟันปลอม (denture), ครอบฟัน (crown) หรือสะพานฟัน (bridge) ให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด

รากฟันเทียม ประกอบด้วย

  1. Fixture คือ ส่วนที่ฝังอยู่ใต้เหงือก อยู่ในกระดูกขากรรไกร ทำหน้าที่แทนรากฟันธรรมชาติ
  2. Abutment คือ ส่วนที่ทดแทนโครงสร้างของแกนฟัน เพื่อรองรับตัวครอบฟัน 3.
  3. Crown คือ ส่วนของตัวฟัน ทำมาจากเซรามิก ลอกเลียนสีและรูปร่างของฟันธรรมชาติ

ประเภทของการฝังรากเทียม

  1. การปลูกรากฟันเทียมแบบทันที : เป็นวิธีการที่สามารถปลูกรากฟันเทียมได้ทันที ภายหลังการถอนฟัน
  2. การปลูกรากฟันเทียมแบบพร้อมครอบฟันทันที : เป็นการปลูกรากฟันเทียม ที่ทันตแพทย์จะทำการยึดครอบฟันปลอม หรือสะพานฟัน ทั้งแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ผู้รักษา) ทันทีหลังได้รับการปลูกรากฟันเทียม
  3. การปลูกรากฟันเทียมแบบทั่วไป : การปลูกรากฟันเทียมแบบนี้ เป็นวิธีการที่นิยมใช้โดยทั่วไป

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม

  1. X-Ray ฟันเพื่อประเมินสภาพของบริเวณที่จะฝังรากฟันเทียม เช่น ความหนาของเหงือก ความสูงของกระดูกขากรรไกร สภาพของฟันซี่ข้างเคียงเป็นต้น เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษา เช่น การกำหนดขนาดและความยาวของตัวรากเทียม
  2. ผ่าตัดฝังตัวรากเทียม (Fixture) ลงไปในกระดูก เย็บแผล หลังจากนั้น 7 วันกลับมาเช็คสภาพแผล และตัดไหม ต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ต้องรอให้ตัวรากเทียม ยึดติดกับกระดูกขากรรไกรให้สมบูรณ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดและคุณสมบัติของรากเทียมที่ใช้งาน ซึ่งตามปกติจะมีคำแนะนำจากบริษัทผู้ผลิตว่า หลังจากปลูกตัวรากเทียมไปแล้วต้องทิ้งช่วงระยะเวลาที่ตัวรากเทียมจะยึดติดกับกระดูกขากรรไกรนานมากน้อยเท่าใด จึงจะสามารถใส่ตัวฟันได้
  3. ใส่แกนฟันจำลอง (coping) และพิมพ์ปากเพื่อส่งแลปทำตัวครอบฟัน แลปใช้เวลาทำประมาณ 5-7 วัน
  4. ใส่แกนฟันตัวจริง (abutment) และใส่ครอบฟันตัวจริง ปรับการสบฟันให้สามารถกัดสบได้เป็นปกติ
  5. นัดเช็คทุกๆ 6 เดือน หรือตามดุลยพินิจของทันตแพทย์