มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19

Create Date | 19 มีนาคม, 2020 3383 Views

คลินิก ทันตกรรม ดิไอวรี่ มีมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้เข้ารับบริการ และทีมงานดิไอวรี่ทุกคนโดยมีมาตรการดังต่อไปนี้

1.คัดกรองผู้ที่เข้ารับบริการทุกคน พร้อมซักประวัติอย่างละเอียด

2.ทันตแพทย์ ผู้ช่วยทันตแพทย์ และพนักงานทุกคนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

3.บริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ

4.ทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการสัมผัสภายในคลินิกด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหลังจากผู้มารับบริการใช้พื้นที่นั้นทันที (เพิ่มเติมจากการฆ่าเชื้อในห้องตรวจซึ่งปฏิบัติเป็นปกติ)

5.เพิ่มขั้นตอนการเตรียมตัวคนไข้ก่อนการรักษา โดยกลั้วคอด้วยน้ำยา เบตาดีน การ์เกิล ซึ่งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อในช่องปาก ก่อนทำการรักษาทุกครั้ง

6. ทีมพนักงานทุกคนหลีกเลี่ยงการไปที่ชุมชนในวันหยุดทำงาน และรักษาสุขนามัยของตนอย่างเคร่งครัด

คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่ จะดำเนินการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสอย่างเข้มงวด เพราะเราคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของผู้เข้ารับบริการทุกท่านเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ฟอกสีฟัน แบบไหนได้ผลดี?

Create Date | 9 มกราคม, 2020 2545 Views

ปัจจุบันฟันขาวคือสิ่งที่ทุกคนปรารถนา หากฟันไม่ขาวจากภายในตัวฟันเองสามารถทำได้ด้วยการฟอกสีฟัน หรืออีกวิธีที่ทำได้คือ การทำวีเนียร์ (Veneer) ในบทความนี้จะกล่าวถึงการฟอกสีฟันซึ่งเป็นการทำให้ฟันขาวขึ้นได้โดยมีผลกระทบต่อตัวฟันและเคลือบฟันน้อยที่สุด

การฟอกสีฟันมีทั้งแบบทำในคลินิกโดยทันตแพทย์ (In-office bleaching) โดยวิธีนี้จะใช้สารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง และมีการเร่งปฏิกิริยา ด้วยแสงเพื่อช่วยเร่งให้ผลการฟอกสีฟันเกิดเร็วขึ้น และมีแบบที่ทันตแพทย์ทำถาดฟอกสีฟันให้ผู้ป่วยกลับไปฟอกเองที่บ้าน (Home bleaching) วิธีนี้ทันตแพทย์จะจ่ายน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นต่ำให้ผู้ป่วยไว้ใส่ในถาดฟอกสีฟัน ผู้ป่วยจะต้องใส่ถาดฟอกสีฟันในช่องปากวันละประมาณ 6 ชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ใส่เวลานอน

การฟอกสีฟันแบบ In-office ผู้ป่วยจะรู้สึกฟันขาวขึ้นทันทีหลังทันตแพทย์ฟอกสีฟันเสร็จ ส่วนการฟอกสีฟันแบบ Home จะใช้เวลานานกว่าการฟอกสีฟันแบบ In-office ในการที่จะทำให้ฟันขาว แต่ฟันที่ขาวขึ้นจะอยู่ได้นานกว่าการฟอกสีฟันแบบ In-Office

ดังนั้นในบางกรณีจึงมีการใช้2วิธีนี้ร่วมกัน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วย

ข้อมูล: หนังสือ ครบเครื่องเรื่อง ฟัน FUN

ทำรากฟันเทียม ดีหรือไม่?

Create Date | 8 มกราคม, 2020 2330 Views

รากฟันเทียมเป็นวัสดุรูปร่างคล้ายรากฟัน และใส่เข้าไปในกระดูกขากรรไกรเพื่อทดแทนรากฟันที่หายไป โดยทั่วไปวัสดุที่นำมาทำคือ “ไทเทเนียม” ซึ่งเป็นวัสดุที่เข้ากับร่างกายเป็นอย่างดี โดยไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย

เมื่อผู้ป่วยมีรากฟันเทียมอยู่ในช่องปากแล้ว มักจะเกิดข้อสงสัยว่ารากฟันเทียมมีการหมดอายุการใช้งานหรือไม่ และจะใช้เคี้ยวอาหารได้หรือไม่?

จริงๆ แล้ว รากฟันเทียมก็เสมือนกับฟันของเราที่ไม่มีอายุการใช้งาน มันควรจะอยู่กับเราได้ตลอดชีวิต ถ้าเราดูแลสุขภาพช่องปากได้อย่างถูกต้อง รากฟันเทียมสามารถใช้งานได้เหมือนกับฟันธรรมชาติ และไม่มีข้อห้ามในการใช้งานที่แตกต่างไปจากฟันธรรมชาติ และสามารถใช้เคี้ยวอาหารได้ทุกชนิด

อย่างไรก็ตาม รากฟันเทียมไม่ได้เหมาะกับผู้ป่วยทุกคนที่สูญเสียฟันธรรมชาติ ทันตแพทย์จะทำการวิเคราะห์ว่าท่านเหมาะสมกับการใส่รากฟันเทียมหรือไม่? ด้วยการซักประวัติ ตรวจในช่องปาก พิมพ์ปากเพื่อนำมาทำแบบจำลองฟัน และเอกซเรย์เพื่อดูปริมาณกระดูกว่าเหมาะสมหรือไม่

ปัจจัยที่ทำให้ผู้ป่วยไม่เหมาะกับการใส่รากฟันเทียมแบ่งออกเป็น ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคประจำตัว และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับปริมาณและคุณภาพของกระดูก บริเวณที่จะใส่รากฟันเทียม เช่น ผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ หรือเบาหวานที่ไม่ได้รับการควบคุมระดับน้ำตาลที่ดีพอ หรือมีกระดูกที่แคบ หรือเตี้ย จนไม่สามารถทำการบูรณะให้เหมาะสมก่อนการใส่

รากฟันเทียมได้ ก็จะไม่เหมาะสมกับการใส่รากฟันเทียม ซึ่งทันแพทย์ก็จะให้คำแนะนำในการใส่ฟันปลอมชนิดอื่น

โดยสรุป รากฟันเทียมเป็นทางเลือกที่ดี ถ้าผู้ป่วยมีสภาวะหรือข้อบ่งชี้ที่เหมาะสม

ข้อมูล: หนังสือ ครบเครื่องเรื่อง ฟัน FUN

เหงือกบวม เหงือกอักเสบ ทำไงดี

Create Date | 4 มกราคม, 2020 52837 Views
คลินิก-ทันตกรรม-ดิไอวรี่-เหงือกบวม-ทำไงดี

 

เหงือกบวม เหงือกอักเสบ ทำไงดี

  • อาการเหงือกบวมมีเลือดออก และบางครั้งมีหนองไหลออกมาจากร่องเหงือก เป็นอาการของโรคปริทันต์ในระยะที่ลุกลามมากแล้ว เมื่อตรวจดูจะพบว่า ร่องเหงือกมีความลึกมากขึ้น ซึ่งเรียกว่าร่องลึกปริทันต์ หรือบางทีก็เห็นตัวฟันยากเพิ่มขึ้นด้วย

  • การรักษาโรคเหงือกอักเสบ และโรคปริทันต์ขึ้นกับอวัยวะปริทันต์ที่อยู่รอบๆ ฟันที่ทำหน้าที่ช่วยยึดฟันให้แน่นว่าถูกทำลายไปมากน้อยแค่ไหน หากอวัยวะปริทันต์มีเหลือพอที่จะช่วยยึดฟัน อาจพิจารณารักษาโดยการทำความสะอาดร่องลึกปริทันต์ บางรายอาจทำการผ่าตัดเหงือกเพื่อลดความลึกของร่องลึกปริทันต์

การรักษา

สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การรักษาอาการเหงือกบวม เหงือกอักเสบ ได้ผล ตัวผู้ป่วยเองจะต้องรักษาความสะอาดของช่องปากอย่างสม่ำเสมอ การเป็นโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์นี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเองโดยการแปรงฟันร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันช่วยทำความสะอาดบริเวณซอกฟัน เพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์อันเป็นต้นเหตุของการเกิดโรค การดูความสะอาดในช่องปากอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เหงือกกลับคืนสภาพปกติได้

  • ถ้าตรวจพบว่าเหงือกถูกทำลายไปมากแล้ว การรักษาคงต้องถอนฟันซี่นั้นออก โรคปริทันต์เป็นโรคที่มีการทำลายอวัยวะ

  • ปริทันต์อย่างถาวร คือ เหงือก เยื่อยึดปริทันต์ เคลือบรากฟัน กระดูกขากรรไกร จะถูกทำลายไปโดยไม่สามารถรักษาให้คืนสภาพปกติได้ ร่องเหงือกจากปกติที่ลึกประมาณ 2-3 มิลลิเมตร จะลึกมากขึ้นเกิดเป็นร่องลึกปริทันต์เป็นที่อยู่ของคราบจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นตัวการของการเกิดโรค อาการของโรคจะรุนแรงเป็นระยะๆ ผู้ที่เป็นโรคต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการเหงือกบวม ปวด ฟันโยก หรือมีหนองไหลออกจากร่องลึกปริทันต์ การเป็นโรคมักจะเป็นกับฟันหลายๆ ซี่ จึงส่งผลให้มีการสูญเสียฟันเป็นจำนวนมากในวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ

  • การขูดหินปูน ทั้งนี้จะขูดหินปูนบ่อยแค่ไหนในแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นกับการมีหินปูนเกิดขึ้นได้ช้าหรือเร็ว ซึ่งก็จะมีความแตกต่างกัน บางคนมีหินปูนเกาะมากและเกิดได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่บางคนมีหินปูนเกิดได้น้อยหรือแทบจะไม่เกิดเลย ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากมีความแตกต่างในเรื่องส่วนประกอบของน้ำลาย ชนิดของคราบจุลินทรีย์ และพฤติกรรมการบริโภคอาหาร อันเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดหินปูน นอกจากนี้ยังขึ้นกับพฤติกรรมการดูแลความสะอาดในช่องปากของแต่ละบุคคลด้วย

  • การป้องกันไม่ให้เป็นโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ ต้องดูแลความสะอาดของช่องปากอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดโรค การแปรงฟันนับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดคราบจุลินทรีย์ ควรแปรงอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือ เวลาเช้า และก่อนเข้านอน ด้วยเหตุผลที่ว่าคราบจุลินทรีย์จะก่อตัวขึ้นใหม่หลังการแปรงฟันภายในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งในแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันไป นอกจากการแปรงฟันแล้ว ควรใช้ไหมขัดฟันช่วยทำความสะอาดบริเวณซอกฟันในส่วนที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง ก็จะช่วยให้กำจัดคราบจุลินทรีย์อันเป็นต้นเหตุการเกิดโรคได้ดียิ่งขึ้น


การรักษาหลังเกิดเหงือกอักเสบรักษาได้ง่ายโดยการขูดหินน้ำลาย (ขูดหินปูน) ร่วมกับการพัฒนาวิธีการแปรงฟันและใช้อุปกรณ์เสริมที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสะสมใหม่ของคราบจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรค  โดยสำหรับคนส่วนใหญ่ควรได้รับการขูดหินน้ำลายทุกๆ 6-12 เดือนอย่างไรก็ดี เมื่อเป็นโรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งมีการละลายของกระดูกแล้ว 

ขั้นตอนการรักษา แบ่งได้เป็น 3 ช่วง คือ

  1. ช่วงควบคุมโรค โดยการขูดหินน้ำลายและเกลารากฟัน ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการรักษาหลายครั้งจึงจะเสร็จทั้งปากขึ้นอยู่กับความลึกของร่องลึกปริทันต์และปริมาณหินน้ำลายใต้เหงือก 
  2. ในรายที่ผู้ป่วยเป็นโรคในระดับที่รุนแรงมากขึ้น การรักษาช่วงต้น อาจจะยังไม่สามารถกำจัดคราบหินน้ำลายใต้เหงือกได้หมด จึงจำเป็นต้องทำการผ่าตัดเหงือกในบางบริเวณร่วมด้วย  ในบางกรณีที่เหมาะสมอาจสามารถทำศัลยกรรมปลูกกระดูกทดแทนได้ด้วย   และการรักษาโรคปริทันต์อักเสบช่วงสุดท้ายคือ

  3. สุดท้ายคงสภาพ เนื่องจากสาเหตุของโรคปริทันต์อักเสบคือเชื้อโรคจากน้ำลายที่มาสะสมบนตัวฟัน ดังนั้นแม้การรักษาจะเสร็จสิ้นแล้ว หากไม่ได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ โรคจะกลับเป็นใหม่ได้ง่าย ดังนั้นหลังจากการรักษาแล้วผู้ป่วยควรได้รับการขูดหินน้ำลายเพื่อป้องกันการกลับเป็นใหม่ของโรค โดยมากผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคปริทันต์อักเสบแล้วควรได้รับการขูดหินน้ำลายทุกๆ 3-6 เดือน 

วิธีการป้องกันอาการเหงือกบวม เหงือกอักเสบ

อาการเหงือกบวม เหงือกอักเสบ นั้นสามารถที่จะป้องกันได้ โดยดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ถูกวิธี โดยมีวิธีดังต่อไปนี้

  • ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และควรแปรงฟันอย่างถูกวิธี
  • ทานอาหารทีมีประโยชน์ มีสารอาหารครบ 5 หมู่ และเลือกทานอาหารที่มีแคลเซียม และวิตามินซีสูง เพื่อทำให้เหงือกแข็งแรง
  • ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากทุก ๆ 6 เดือน
  • คอยสังเกตอาการผิดปกติของฟันและเหงือก หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมและอาหารที่มีรสหวานที่เป็นสาเหตุของฟันผุ
  • ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฤทธิ์อ่อน ๆ เพื่อลดการระคายเคือง และใช้ไหมขัดฟันหลังแปรงฟันทุกครั้ง

สำหรับท่านใดที่มีอาการเหงือกบวม เหงือกอักเสบ แนะนำให้เข้ามาตรวจวินิจฉัยโดยทันตแพทย์เฉพาะทางด้านโรคเหงือก และควรรีบรักษาในทันที เพราะหากปล่อยให้อาการเหงือกบวม เหงือกอักเสบ เป็นมากขึ้น อาจจะส่งผลทำให้สูญเสียฟันได้ในที่สุด 

คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่ มีทันตแพทย์เฉพาะทางด้านโรคเหงือกที่พร้อมดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของคุณ 


ปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางด้านโรคเหงือก ได้ที่ คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่

โทร. 02-275-3599 ได้ทุกวัน (ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.)
หรือสามารถติดต่อได้ทาง LINE: @theivorydental

6 ข้อดี ของการทำรากฟันเทียม

Create Date | 26 ธันวาคม, 2019 6136 Views

“การที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ช่วยให้คุณภาพดีขึ้น” คนที่ฟันหลุด ไปแล้วจะเข้าใจความหมายนี้ดีค่ะ เพราะ ไม่ใช่แค่บุคลิคภาพของเรา แต่ยังรวมไปถึงการรัปทานอาหาร เพื่อสุขภาพ การพูด ตลอดจนการเข้าสังคม แต่ถ้าหาก สุดวิสัยและ จำเป็นต้องถอนฟันออก หรือ ฟันหลุดไม่ว่าจะกรณีใดๆ การทำรากเทียมก็เป็นอีก ทางเลือกในการ ทดแทนฟันที่หายไป ค่ะ วันนี้เรามาพูดถึงข้อดีข้อเสีย ในการทำรากฟันเทียมกันค่ะ ในความคิดส่วนตัวแล้ว แอดมินคิดว่า การทำรากเทียม ไม่ได้เจ็บและน่ากลัวเท่ากับการถอดฟันค่ะ 

ข้อดี ของการทำรากเทียม

  • ฟันไม่หลอ
  • มั่นใจ
  • ให้ประสิทธิภาพการเคี้ยวเท่าเทียมฟันจริง
  • ไม่ต้องยุ่งกับฟันข้างเคียง
  • ไม่เกิดผุซ้ำ เพราะไม่มีฟันให้ผุอีกตรงที่ทำ
  • ไม่ต้องรอคิวนาน ตัดสินใจแล้วทำที่ดิไอวรี่คลินิกได้ทันทีเลยค่ะ

ข้อเสีย ของการทำรากเทียม

  • ราคาแพง ถ้าทำหลายๆตำแหน่ง เหมือนอมรถไว้ในปากคันหนึ่ง
  • มีโรคทางระบบมารุมเร้า  เช่น เบาหวาน เป็นต้น อาจมีภาวะเสี่ยง กระดูกเน่า
  • ถ้าล้มเหลว การแก้ไข ทำได้ลำบาก เพราะเป็นหัตการ ฝังแท่นเข้าถึงกระดูก แต่เกิดขึ้นน้อย
  • กระดูกที่รองรับต้องมั่นคง  ตำแหน่งที่ฝัง ต้องปลอดภัยต่อ เส้นเลือดแดงและเส้นประสาทที่ทอดขนานอยู่ รวมทั้ง โพรงของไซนัสด้วย
  • ราคาที่ค่อนข้างสูง
รู้หรือไม่คะการทำรากฟันเทียม ทดแทนฟันที่หลุดหายไป ไม่น่ากลัวเท่าที่คิดนะคะ

สำหรับผู้ที่ กำลังจะใส่ ฟันปลอม หรือผู้ที่กำลังจะเปลี่ยนฟันปลอม  ไม่มีอะไรดีไปหมด ไม่มีอะไรเลวร้ายไปหมด  บางรายหนึ่งอาจเหมาะกับอย่างหนึ่ง แต่ไม่เหมาะกับอีกอย่างค่ะไม่อาจ นำเอาข้อมูลคนหนึ่งมาวัดเข้ากับตนเอง ทุกคนมีปัจจัย ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ดังนั้นค่อยๆพิจารณา และนำข้อมูลเหล่านี้ ปรึกษาหารือ กับทันตแพทย์ที่เราไปพบ อย่างน้อยเราก็พอมีความรู้ ข้อมูลเกี่ยวกับ ฟันปลอมพอสมควร ที่จะใช้ซักถาม เพื่อหาสิ่งที่คิดว่าใช่ที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม แอดมินอยากขอให้รักษา ฟันตนเองไว้ให้ดีที่สุดค่ะ อย่าต้องพึ่งพา ของปลอม มีปัญหา รีบแก้ไขแต่เนิ่นๆ อย่ากลัว การทำฟันทุกครั้ง ไม่ได้น่ากลัวหรือย่ำแย่ทุกครั้งไปพบทันตแพทย์ช่วยตรวจฟันบ่อยๆนะคะ แต่จริงๆแล้ว คนที่ยิ่งกลัวหมอฟัน เวลา มีปัญหาทุกครั้ง มักสร้างความเจ็บปวด มีแต่คนที่ไม่กลัว หาหมอบ่อยๆ มักเป็นงานง่ายๆ ราคาเบาๆ ไม่เจ็บปวดค่ะ

รู้อย่างนี้อย่ากลัว หมอฟันอีกต่อไปนะคะ

ทำไมต้องแช่ฟันปลอมในน้ำหลังถอด

Create Date | 18 ธันวาคม, 2019 31184 Views

เวลาถอดฟันปลอม จำเป็นหรือไม่ ที่ต้องแช่ฟันปลอมไว้ในน้ำ

          เพราะฟันปลอมต้องเก็บให้ชุ่มชื้นเสมอ เพื่อรักษารูปทรงให้คงที่ จึงควรแช่ไว้ในน้ำสะอาดหรือน้ำยาทำความสะอาดฟันปลอม หาซื้อได้ทั่วไปค่ะ จะช่วยการหดตัวของวัสดุที่ใช้ทำฐานฟันปลอม ซึ่งจะมีผลให้ใส่ไม่พอดีกับปาก ผิดรูปและจะมีอายุการใช้งานที่สั้นลง จากการดูแลรักษาไม่ดีนั่นเองค่ะ

ดังนั้น ฟันปลอมแบบถอดได้ จำเป็นต้องถอดออกแช่น้ำเวลานอน ที่ต้องถอดไม่ได้ห่วงฟันปลอมนะคะ ฟันปลอมเสียโยนทิ้งทำใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ที่ต้องถอดออกเพื่อรักษาเหงือกและฟันจริงต่างหาก เนื่องจากการที่ใส่ฟันปลอมกดทับเหงือกทั้งวันทั้งคืนจะทำให้เหงือกอักเสบ ติดเชื้อราได้ง่าย ช่วงแรกอาจไม่มีอาการอะไร แต่นานๆไปจะเจ็บปวดแสบปวดร้อนในปากค่ะ นอกจากนี้แล้วการใส่ฟันปลอมตลอดเวลาไม่ถอดออกเลยจะทำให้เกิดฟันผุได้ง่ายกว่าปกติด้วย

ฟันปลอม

 

การใส่ฟันปลอม ต้องเอาใจใส่ดูแลความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพราะฟันปลอมเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้มีเศษอาหารตกค้างได้มาก หลังจากใส่ฟันปลอมควรมาพบทันตแพทย์ตรวจช่องปากและฟันปลอมทุก 6 เดือน หรืออย่างน้อยปีละครั้ง เนื่องจากอาจเกิดฟันผุหรือเหงือกอักเสบขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งอาจต้องเสริมฐานฟันปลอมในบริเวณที่เหงือกยุบตัวลงไป หรืออาจต้องเปลี่ยนฟันปลอมใหม่ เมื่อฟันปลอมเดิมหมดอายุการใช้งาน

ควรถอดทำความสะอาด และแช่น้ำไว้เมื่อเวลานอน เพื่อลดแรงกดทับของฐานฟันปลอม ต่อเนื้อเยื่อ และเยื่อเมือกของช่องปาก หากใส่ฟันปลอมไว้ตลอดเวลาผลเสียที่จะเกิดขึ้นคือ ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อในช่องปาก มีผลให้เกิดการอักเสบ หรือบางครั้งถ้ามีการระคายเคืองมาก อาจส่งผลให้เกิดเป็นก้อนเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงขึ้นที่บริเวณขอบหรือใต้ฐานฟันปลอม ซึ่งมักพบได้บ่อยกับฟันปลอมชนิดถอดได้ทั้งปาก นอกจากนี้ การใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้ตลอดเวลามักจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นปากได้

แก้ปัญหา ฟันสึก นอนกัดฟัน ปวดกราม นอนกรน ด้วยเฝือกสบฟัน

Create Date | 13 ธันวาคม, 2019 13045 Views

วิธีการแก้ไขอาการ ไปพบทัตแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขอาการนอนกัดฟัน ได้แก่ การกรอปรับสบฟันให้อยู่ในสภาวะปกติ โดยส่วนใหญ่แล้วทัตแพทย์จะแนะนำให้ใส่ Spint หรือเฝือกสบฟัน เพื่อลดการสึกของฟัน Spint นั้น มีลักษณะเป็น อะครีลิคใส แข็ง ใสในฟันบน หรือฟันล่าง ใส่เฉพาะในเวลานอนตอนกลางคืนเท่านั้น และในเวลาที่เราใส่ Spint หรือเฝือกสบฟันนั้น ทันตแพทย์จะนัดมาตรวจเป็นระยะๆ

เฝือกสบฟันช่วยคุณได้อย่างไร

เฝือกสบฟันช่วยกระจายแรงสบฟันอย่างเหมาะสม ทำให้ลดแรงที่กล้ามเนื้อบดเคี้ยวและข้อต่อขากรรไกร ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดอาการปวด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันฟันสึกจากการนอนกัดฟันได้

เฝือกสบฟัน

1.เฝือกสบฟันชนิดอ่อน (Soft Occlusal Splint) เป็นเฝือกสบฟันที่ทำจากวัสดุนิ่ม ทำได้ง่ายและรวดเร็ว มักใช้ในกรณีที่

  • ผู้ป่วยอายุน้อย ขากรรไกรยังมีการเจริญเติบโต จึงไม่ขัดขวางการเจริญเติบโตของขากรรไกร
  • ใช้บำบัดฉุกเฉินในผู้ป่วยที่มีอาการปวดมาก ใช้ชั่วคราวระหว่างรอทำเฝือกสบฟันชนิดแข็ง
  • ใช้ในกรณีอื่นๆ เช่น ป้องกันฟันสึกกร่อนจากการว่ายน้ำที่ต้องสัมผัสน้ำคลอรีนเป็นเวลานานๆ ใช้ป้องกันการกระทบกระแทกขณะเล่นกีฬาบางประเภท เป็นต้นข้อ

ข้อเสียของการใส่เฝือกสบฟันชนิดอ่อน

 

เฝือกสบฟันชนิดอ่อนถือได้ว่าเป็นเฝือกสบฟันที่ไม่คงทน ไม่มีความแข็งแรง มีอายุการใช้งานที่สั้น จึงทำให้ต้องเปลี่ยนบ่อย ทำให้สิ้นเปลืองเป็นอย่างมาก และบางทีอาจจะไม่สามารถช่วยเรื่องการนอนกัดฟันสำหรับผู้ที่นอนกัดฟันรุนแรงได้

2. เฝือกสบฟันชนิดแข็ง (Hard Occlusal splint)

  • เฝือกสบฟันชนิดแข็งนี้ โดยส่วนมากจะทำจากพลาสติกที่มีความแข็ง มีความคงทนเป็นอย่างมาก มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ต่างกับเฝือกสบฟันชนิดอ่อนอย่างมาก แต่ใช้ระยะเวลาในการสร้างเฝือกนาน
  • ซึ่งเฝือกสบฟันชนิดแข็งนี้ ทันตแพทย์มักนิยมใช้กับคนไข้ที่มีอาการนอนกัดฟันอย่างรุนแรง เพื่อป้องกันฟันสึก แถมยังช่วยอาการปวดเมื่อยขากรรไกร และกล้ามเนื้อบดเคี้ยวได้ดีอีกด้วย
  • และที่สำคัญเลยที่ทันตแพทย์จะแนะนำให้ใส่เฝือกสบฟันแบบแข็งก็คือ คนไข้ที่มีความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร เช่น ข้อต่อขากรรไกรเสื่อม หรือ คนไข้ที่มีอาการติดขัดเวลาอ้าปากหุบปาก

ข้อเสียของเฝือกสบฟันชนิดแข็ง

  • เฝือกสบฟันชนิดแข็งต้องใช้เวลาในการทำนานกว่าเฝือกสบฟันชนิดอ่อนมาก แถมยังไม่ควรนำไปใส่กับเด็กที่ฟันและขากรรไกรยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ เพราะ เฝือกสบฟันแบบแข็งจะเป็นตัวขัดขวางการเจริญเติบโตของ ฟันและขากรรไกร

 

ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำเฝือกสบฟัน (เฝือกฟัน)

 

การทำเฝือกฟันนั้นเพื่อป้องกันอาการนอนกัดฟันนั้นไม่ยาก เพียงไปพบทันตแพทย์ ทันตแพทย์จะพิมพ์แบบและทำเฝือกฟันเฉพาะบุคคล ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับยางกันฟันของนักมวยหรือนักกีฬา การใส่เฝือกฟันบนหรือฟันล่าง หรือทั้งสอง ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ใส่นอนตอนกลางคืนชั่วระยะเวลาหนึ่งอาการจะดีขึ้น การทำเฝือกฟันไม่ยาก เพียงแค่ไปพบทันตแพทย์ ทันตแพทย์จะพิมพ์แบบ และทำเฝือกฟันเฉพาะบุคคลซึ่งมีลักษณะคล้ายกับยางกันฟันของนักมวยหรือนักกีฬา นั่นเอง อาการ นอนกัดฟัน อาจมีสาเหตุมาจากยาที่รับประทานก็ได้ เช่น ยาที่เคยมีรายงานว่าทำให้เกิดอาการนอนกัดฟันได้คือ แอมเฟตามีนที่ใช้ร่วมกับ L-dopa, ยาfenfluramine ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของแอมเฟตามีน และมีรายงานว่า พบการนอนกัดฟันในผู้ป่วยที่เป็นโรค Tardive Dyskinesiaซึ่ง เชื่อว่าเป็นผลมาจากการใช้ยา phenothiazine เป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ จะสามารถทำให้เกิดอาการนอนกัดฟันได้ ดังนั้น การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีประโยชน์แล้วยังทำให้เป็นโรคกัดฟันอีกด้วย

วิธีใช้เฝือกสบฟัน ?

  • ควรใส่เฝือกสบฟันในเวลากลางคืน หรือ ที่ทันตแพทย์ได้กำหนดไว้เท่านั้น
  • เมื่อใส่เฝือกสบฟัน จะมีความรู้สึกตึงๆที่ฟันประมาณ 2-3 นาที
  • หากใส่เฝือกสบฟันแล้วมีอาการปวด ควรรีบถอดออก และนำไปให้ทันตแพทย์เพื่อแก้ไข
  • ในช่วงแรกที่ใส่เฝือกสบฟัน จะมีอาการน้ำลายเต็มปาก แต่หากใส่จนเคยชินแล้วก็จะเป็นปกติ
  • เมื่อถอดเฝือกสบฟัน จะรู้สึกว่าฟันไม่ปกติ แต่ทิ้งเวลาไว้ซักระยะ ฟันจะกลับมาเป็นปกติเองตามธรรมชาติไม่ต้องตกใจ
  • ควรทำความสะอาดเฝือกสบฟันทุกวันหลังจากใส่แล้ว ด้วยแปรงสีฟัน และ แช่น้ำปิดฝาในภาชนะที่สะอาด และควรเปลี่ยนน้ำทุกวัน

 

 

 

ครอบฟัน และสะพานฟัน ต่างกันอย่างไร

Create Date | 10 ธันวาคม, 2019 7043 Views

ครอบฟัน เป็นวิธีการบูรณะฟันธรรมชาติ ที่มีการสูญเสียเนื้อฟันออกไปมากเกินกว่าจะสามารถบูรณะด้วยวิธีทั่วไป คือ การอุดฟัน ประโยชน์ของครอบฟัน คือ การคงสภาพเนื้อฟันที่เหลืออยู่และทดแทนส่วนที่สูญเสียไป

ส่วนการทำสะพานฟันสะพานฟัน
เป็นการทดแทนฟันที่สูญเสียไป ด้วยการยึดซี่ฟันปลอมเข้ากับฟันซี่ข้างเคียงอย่างถาวร (ถอดออกมาล้างไม่ได้) อย่างไรก็ดี ฟันซี่ข้างเคียงจะถูกกรอเตรียมเพื่อเป็นหลักของสะพานฟัน

การครอบฟันทำให้เกิดปัญหาใดได้บ้าง ?

การครอบฟันอาจทำให้เกิดอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวันและเกิดปัญหาบางประการ ดังนี้

  • รู้สีกไม่สบายฟันหรือเสียวฟัน ฟันที่ทำการครอบใหม่ ๆ อาจมีความรู้สึกที่ไวกว่าปกติหรือมีอาการเสียวฟันเมื่อฤทธิ์ของยาชาหมดลง หากฟันที่ครอบยังคงมีประสาทฟันอยู่ก็อาจทำให้รู้สึกถึงความร้อนหรือเย็นได้ ซึ่งทันตแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาสีฟันสำหรับผู้ที่มีอาการเสียวฟัน
  • ที่ครอบฟันหลวม ในบางครั้งสิ่งที่ใช้สำหรับยึดเกาะที่ครอบฟันอาจถูกล้างออกมาทำให้ที่ครอบฟันหลวม นอกจากนั้นยังทำให้แบคทีเรียสามารถเข้าไปและทำให้เกิดฟันผุได้ในที่สุด หากมีความรู้สึกว่าที่ครอบฟันกำลังหลวม ควรติดต่อทันตแพทย์
  • ที่ครอบฟันหลุด บางครั้งที่ครอบฟันอาจหลุดได้ โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่ที่ครอบฟันไม่พอดีกับฟัน สิ่งยึดที่ครอบฟันกับฟันไม่เพียงพอ หรือรูปร่างของฟันเล็กเกินไป ทำให้ที่ครอบฟันไม่สามารถยึดเกาะได้
  • ที่ครอบฟันแตกหรือกระเทาะ เมื่อใช้พอร์สเลนในการครอบฟัน สามารถกระเทาะหรือแตกได้ หากที่ครอบฟันแตกเพียงเล็กน้อยก็ยังอาจสามารถใช้คอมโพสิตเรซิ่นในการซ่อมแซมได้ แต่หากแตกกระเทาะมากอาจจำเป็นต้องทำใหม่
  • มีอาการแพ้ วัสดุที่ใช้ในการครอบฟันส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของโลหะ ซึ่งอาจทำให้เกิดการแพ้ได้ ปฏิกริยาแพ้ต่อโลหะหรือพอร์สเลนที่ใช้ครอบฟันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้แต่พบได้น้อยมาก


ประเภทของครอบฟันและสะพานฟัน
☑️​แบบเซรามิกและโลหะ
☑️​แบบเซรามิกล้วน
☑️​แบบโลหะล้วน (หรือทอง)​

ครอบฟันและสะพานฟัน ช่วยทำให้รูปร่างของฟันและประสิทธิภาพการใช้งานได้ดีเหมือนเดิม ช่วยให้มีรอยยิ้มที่สวยงาม ยิ้มได้แบบมั่นใจเลยคะ คุณรู้ข้อควรปฏิบัติหลังการครอบฟันหรือไม่ ว่าหลังจากการทำ เราต้องเตรียมตัวอย่างไร ต้องงดอาหารประเภทไหนหรือเปล่า

  • หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่มีความแข็งภายใน 24 ชั่วโมงหลังการติดยึดการครอบฟัน ควรเริ่มรับประทานอาหารอ่อนจนกว่าจะชินกับครอบฟันใหม่
  • สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดการบวมหรืออาการต่างๆได้โดยการบ้วนปากด้วยน้ำเกลือ เกลือ 1 ช้อนชา น้ำอุ่น 1 แก้ว อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง
  • ควรดูแลความสะอาดบริเวณที่ติดครอบฟันเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเกิดโรคเหงือก
  • อาการเสียวอาจจะเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยบางท่าน


สนใจข้อมูล ทำครอบฟัน และสะพานฟันเพิ่มเติมได้ที่
คลีนิคทันตกรรม ดิไอวรี่
Call us :The Ivory Dental Clinic
Call : +66(0)2275-3599
Line. : @theivorydental
www.theivorydental.com
Location : https://g.co/kgs/FKhXh3
.
หรือทำนัด ด่วนๆ กด ลิ้งค์นี้ค่ะ
https://page.line.me/theivorydental

รากฟันเทียมติดแน่น คืออะไร?

Create Date | 7 ธันวาคม, 2019 2816 Views

ฟันปลอมแบบติดแน่นทั้งปาก หรือที่เรียกว่า All-on-4  All-on-5 and All-on-6 Concept
นวัตกรรม​การรักษาทางทันตกรรมรากเทียม All-on-4 and All-on-6 dental implant concept  แบบนี้ เป็นการฝังรากเทียม 4 5หรือ 6 ตัว เพื่อรองรับแผงฟันปลอมแบบติดแน่น หรือสะพานฟัน โดยใช้สกรูหรือที่เรียกว่ารากเทียมยึดแผงฟันปลอมหรือสะพานฟัน ไว้กับรากฟันเทียม


การรักษาแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่สูญเสียฟัน และกระดูกรองรับฟันไปแล้วเป็นเวลานาน สะดวกในการดูแลรักษา ฟันปลอมที่ใส่ไม่กระดก หรือหลุด ง่าย ไม่ต้องถอดออกมาแช่น้ำ เหมือนฟันปชอมถอดได้


ประโยชน์ของ All on 4 นั่นเพื่อ ยึดฟันปลอมให้ติดแน่นกับปากตลอดเวลา จึงทำให้ฟันปลอม ไม่กระดก หรือ โยกไปมาได้เหมือนฟันปลอมทั่วๆไป ติดแน่นกว่าฟันปลอมถอดได้ใส่กาวติดฟันปลอม ไม่จำเป็นต้องถอดออกมาทำความสะอาดเหมือนฟันปลอมปกติ สามารถเเปลงฟันแบบปกติได้เลย เทคนิคนี้ยังสามารถประยุกค์ใช้กับสะพานฟันได้อีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ฟันปลอม


ทำนัด ปรึกษารากฟันเทียมติดแน่น คลีนิคทันตกรรม ดิไอวรี่
Call us :The Ivory Dental Clinic
Call : +66(0)2275-3599
Line. : @theivorydental
www.theivorydental.com

ปวดฟัน เกิดจากอะไร

Create Date | 4 ธันวาคม, 2019 33908 Views
คลินิก-ทันตกรรม-ดิไอวรี่-สาเหตุ-ปวดฟัน-มีอะไรบ้าง



สาเหตุหลักๆ ของอาการปวดฟัน

  • เศษอาหารติดฟัน กรณีฟันห่าง ฟันโยก ฟันผุด้านข้างเป็นรูใหญ่ หรือมีช่องว่างระหว่างฟัน เศษอาหารที่เข้าไปอัดอยู่ตรงช่องว่างเหล่านี้จะกดให้เหงือกช้ำ กลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย จึงทำให้มีอาการปวดเหงือกและฟันตามมา

  • ฟันคุด เกิดจากการที่ฟันกรามซี่ในสุดขึ้นไม่ตรงที่และอาจเอียงไปดันฟันข้างเคียงทำให้เกิดอาการเจ็บปวดได้ อีกทั้งบริเวณเหล่านี้มักทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง จึงทำให้มีเศษอาหารไปตกค้างอยู่จนอาจเกิดหนองรอบ ๆ ฟันคุดได้

  • ปลายรากฟันอักเสบเป็นหนอง ถ้าการอักเสบของเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟันเป็นอยู่นาน โรคอาจลุกลามไปที่ปลายรากฟันจนทำให้เกิดการติดเชื้อและเป็นหนองบริเวณปลายรากฟัน ทำให้เกิดอาการบวมของเหงือกบริเวณฟันที่ติดเชื้อและเกิดอาการปวดฟันได้ ในกรณีนี้ แนะนำให้รีบรักษารากฟันค่ะ

  • โรคเหงือกอักเสบและปริทันต์อักเสบ ส่งผลทำให้เหงือกในบริเวณนั้นแดงช้ำกว่าบริเวณอื่น ๆ มักมีสาเหตุมาจากคราบหินปูน ทำให้เหงือกอักเสบบวมและปวดที่ฟันได้ โดยผู้ป่วยมักมีอาการปวดหนึบ ๆ หรือปวดรำคาญ ร่วมกับแปรงฟันมีเลือดออก และถ้าเป็นมาก ๆ ฟันจะโยก

  • ฟันผุ เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการปวดฟัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเสียวฟันเวลาดื่มน้ำร้อนหรือน้ำเย็น บางครั้งอาจรู้สึกปวดฟันขึ้นมาได้ขณะเคี้ยวอาหาร เนื่องจากมีเศษอาหารเข้าไปติดอยู่ในรูที่ผุนั้นเองค่ะ

  • ฟันร้าวหรือฟันแตก ทำให้ความเย็นหรือความร้อนส่งถึงโพรงประสาทฟันและทำให้เกิดอาการปวดฟันได้
    ฟันสึก ทำให้เกิดอาการเสียวฟันเป็นครั้งคราว ถ้าสึกมากๆ ก็อาจทำให้ฟันตายได้ ถ้าฟันสึกจนถึงชั้นโพรงประสาทฟันก็จะทำให้ฟันตาย มีอาการปวด และอาจต้องถอนฟันในที่สุด

  • การปวดฟันอันเนื่องมาจากฟันขึ้นในวัยเด็ก ซึ่งในขณะฟันขึ้นอาจมีเหงือกอักเสบร่วมด้วย แต่อาการปวดนี้จะหายไปเองเมื่อฟันโผล่พ้นเหงือกแล้ว
    การนอนกัดฟัน เป็นอาการที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งมีผลทำให้ฟันสึกหรือสารเคลือบฟันถูกทำลายไป

  • ฟันได้รับบาดเจ็บจากการกระแทก

  • การอักเสบของเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟัน ส่วนใหญ่มักเป็นผลจากฟันที่ผุลึกมากจนกระทั่งทะลุโพรงประสาทฟัน และอาจพบได้ในฟันสึก ฟันร้าว หรือแตกลึกถึงโพรงประสาทฟัน ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบและเกิดการติดเชื้อของเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟัน ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดฟันขึ้นมาได้โดยไม่ต้องมีสิ่งใดมากระตุ้น และจะมีอาการปวดฟันมากและปวดอยู่นาน

  • โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า (Trigeminal neuralgia) เป็นอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบของประสาทสมองเส้นที่ 5 ที่เลี้ยงบริเวณใบหน้าและศีรษะ ซึ่งอาจทำให้มีอาการเหมือนการปวดฟันได้

  • อาการปวดจากโรคอื่นๆ แล้วปวดร้าวส่งต่อมาที่ฟัน เช่น จากโรคไซนัสอักเสบ โรคทางหู และโรคหลอดเลือดหัวใจ

หากมีอาการดังกล่าวแนะนำให้รีบพบทันตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอาการปวดฟันในทันที


สอบถามหรือนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่ คลินิกทันตกรรม ดิไอวรี่

โทร. 02-275-3599 ได้ทุกวัน (ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.)
หรือสามารถติดต่อได้ทาง LINE: @theivorydental